การ ทำขั้นบันได (terrace) ทำได้โดยการปรับพื้นที่ลาดชันให้มีลักษณะราบเป็นขั้น เช่นเดียวกับขั้นบันได เพื่อใช้ปลูกพืช เพื่อที่จะลดความลาดชันของพื้นที่ ช่วยลดอัตราการไหลบ่าของน้ำบนผิวดิน ควบคุมการชะล้างพังทลายของดิน สะดวกในการเพาะปลูก ช่วยให้พืชนำแร่ธาตุที่มีอยู่ในดินไปใช้ประโยชน์ได้มากขึ้น และเป็นการใช้พื้นที่ได้อย่างคุ้มค่า ถึงแม้จะเป็นเชิงเขาก็สามารถปรับพื้นที่ให้มีลักษณะที่จะนำมาใช้ประโยชน์ใน การเกษตรได้
อย่างไรก็ตามการทำ terrace จะต้องใช้ความระมัดระวังสูงเนื่องจากค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างสูง หากทำไม่เหมาะสมจะทำให้เกิดการสไลด์ของดิน การพังของดินเป็นขั้นๆ แล้วถูกน้ำพัดพาทั้งน้ำและดินลงมาตามทางลาดของเขาจะทำความเสียหายได้มากกว่า การไม่ทำ terrace เลยด้วยซ้ำไป ดังนั้นก่อนทำ terrace จะต้องสำรวจว่าพื้นที่ของคุณมีหน้าดินที่ลึกพอที่เราจะขุดทำ terrace ได้ และไม่มีองค์ประกอบเป็นดินเหนียวมากจนเกินไป เนื่องจากดินเหนียวจะทำให้น้ำไหลซึมลงดินได้ยาก น้ำที่ถูกขังไว้ที่ผิวดินจะเพิ่มแรงกดแรงเฉือนของดินตามขั้นบันได นอกจากนั้นเมื่อดินเหนียวอุ้มน้ำจะทำหน้าที่เหมือนจารบีตามธรรมชาติ ทำให้ดินไม่ทนต่อแรงเฉือนสามารถเกิดปัญหาดินสไลด์ได้ง่าย โดยทั่วไปเทคนิคการทำขั้นบันไดอาจจะแบ่งออกมาได้ 3 แบบย่อยคือ
(1) ขั้นบันไดดินแบบไม่มีกำแพงค้ำยัน

เครดิตภาพจาก thai-farmer.com
(2) ขั้นบันไดแบบมีกำแพงค้ำยันเป็นก้อนหิน

เครดิตภาพจาก permaculturenews.org
(3) ขั้นบันไดแบบกำแพงค้ำยันแบบก่ออิฐ

เครดิตภาพจาก thebrickyard.com
แล้ว เราจะรู้ได้อย่างไรว่าต้องทำขั้นบันไดแบบไหน? คำตอบคือความลาดชัน ความสวยงามที่คุณต้องการ และงบประมาณในกระเป๋าสตางค์ของคุน เป็นตัวบ่งชี้ว่าควรจะทำแบบไหน ในพื้นที่ที่มีความลาดชันน้อยกว่า 18 องศา เราสามารถทำขั้นบันไดดินแบบไม่มีกำแพงค้ำยันได้ ส่วนขั้นบันไดแบบที่มีกำแพงค้ำยันเหมาะสำหรับพื้นที่ที่มีความชันมากกว่า (แต่ก็ไม่ควรเกิน 26 องศา พื้นที่ที่ชันกว่านี้ควรจะใช้วิธีปลูกต้นไม้อย่างหนาแน่นเพื่อชะลอน้ำแทน) โดย terrace แบบนี้ต้องลงทุนลงแรงมากกว่าตอนก่อสร้างแต่ก็มีค่าบำรุงรักษาในระยะยาวน้อย กว่าเนื่องจากมีการพังทลายน้อยกว่า

ในการสร้าง terrace นั้นจะต่างจาก swale ตรงที่ เราจะสร้าง swale จากด้านบนสุดของที่ดิน แล้วค่อยๆ ไล่ลงมาเนื่องจากเราไม่ต้องการให้ swale รับน้ำมากจนเกินไประหว่างที่การก่อสร้างยังไม่เสร็จ แต่วิธีการสร้าง terrace เราจะทำจากด้านล่างขึ้นด้านบน เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการพังทลายของ terrace ที่ถูกขุดดินด้านล่างออก แต่ถ้าระยะเวลาการก่อสร้างกินเวลานานมาก เราก็ต้องระวังปัญหา terrace พังในช่วงที่ฝนตกเยอะมากๆ

เช่น เดียวกันกับ swale เราต้องคำนึงถึงกรณีแย่ที่สุดคือมีปริมาณน้ำฝนตกมากกว่าที่เราใช้ในการคำนวน น้ำฝนจะขังจนล้น terrace เราต้องเตรียมทางน้ำล้นเพื่อป้องกันไม่ให้ terrace พังลงมา โดยในทางน้ำล้นเราอาจจะต้องเตรียมวางหิน หรือโครงสร้างอื่นที่ช่วยลดการกัดเซาะของน้ำรวมทั้งการปลูกพืชคลุมดิน

ปล. ถ้าจะทำ terrace แบบมีกำแพงค้ำยัน แนะนำให้ลองดูก่อนว่าจะใช้วัสดุเป็นหินธรรมชาติ หรือใช้อิฐก่อ แต่จากประสบการณ์ยกหินขนาดใหญ่ที่สวนแล้ว ผมเองบอกได้ว่าถ้าเป็นผมจะยกหินไปทำ terrace บนที่ชันมากๆ ไม่ไหว ถึงแม้นว่าจะลองเปลี่ยนเป็นยกอิฐที่น้ำหนักต่อก้อนน้อยกว่า แต่การยกอิฐจำนวนมากขึ้นเนินก็เป็นงานที่หนักมากที่เดียว ผมแค่โชคดีที่สวนชันไม่เกิน 18 องศา และมีรถแมคโคมาทำงานในช่วงที่คิดจะทำ เลยว่าจ้างทำได้ไม่ยากนัก แต่ถ้าจะใช้รถไถก็คงต้องใช้วิธีทำ terrace แบบไม่มีกำแพงค้ำยัน ลองดูภาพการทำ terrace แบบไม่มีกำแพงค้ำยันด้วยรถไถ (มี 2 เทคนิค)

ดังนั้นจึงขออวยพรให้เพื่อนๆ ที่มีสวนชันมากกว่า 18 องศาประสบความสำเร็จในการทำ terrace นะครับ
ขออนญาตส่งท้ายด้วยภาพ terrace สวยๆ จากรีสอร์ทแห่งหนึ่งที่เขาใหญ่
และภาพ terrace ปลูกข้าวที่ Banaue ประเทศฟิลิปปินส์


ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมที่ http://www.kasetporpeang.com/forums/index.php?topic=79810.0
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น