12 กุมภาพันธ์ 2557

พ่อมดแห่งโลกทุนนิยม

ในโลกมายาที่เรียกว่า "ทุนนิยม" มีอาวุธที่เรียกว่่า "เงิน" เป็นอาวุธพื้นฐาน มีเครื่องทุ่นแรงหลักที่เรียกว่า "เครดิท" มีพ่อมดตนหนึ่งเข้าใจเรื่องราวเหล่านี้อย่างดีเยี่ยม  พ่อมดมีความเข้าใจอย่างดีว่าในโลกมายาจะแตกต่างกับโลกของจริงอย่างสิ้นเชิง ในโลกความเป็นจริงมนุษย์อาจจะสะสมอาหารหรือวัตถุสิ่งของได้บ้าง แต่ด้วยกฎธรรมชาติวัตถุต่างๆ ย่อมมีการเสื่อม  ไม่ว่าเทคโนโลยีการถนอมอาหารจะดีแค่ไหน สุดท้ายแล้วอาหารย่อมมีวันหมดอายุ   ทรัพย์สมบัติย่อมมีการเสื่อมไปตามกาลเวลา  แต่มนุษย์จะสามารถสะสมทรัพย์สินในโลกมายาได้โดยไม่มีข้อจำกัดเรื่องอายุ  มนุษย์จึงสามารถสะสมทรัพย์สินในโลกมายาโดยไม่มีข้อจำกัดเรื่องความเสื่อม  ดังนั้นจึงสามารถตอบสนองความโลภได้ไม่สิ้นสุด

คนที่มีความสามารถมากกว่าย่อมสามารถหาทรัพย์สินในโลกมายาได้มากกว่า  หากบริหารทรัพย์สินในโลกมายาเก่งจะพบว่าทรัพย์สินในโลกมายายังสามารถเพิ่มพูนทวีได้โดยที่เราไม่ต้องเอาของจากโลกความจริงไปแลก  หรือต้องทำงานแลกทรัพย์สินในโลกมายา   ดังนั้นคนที่มีทรัพย์สินในโลกมายาเยอะ ผนวกกับความรู้จะยิ่งสามารถได้ทรัพย์สินในโลกมายาได้มากขึ้นกว่าคนที่มีทรัพย์สินน้อย

ผลพวงจากการเข้าไปสัมผัส และใช้ชีวิตในโลกมายาอย่างยาวนานของมนุษย์ทำให้ช่องว่างระหว่างชนชั้นยิ่งสูงมากขึ้นด้วยกลไกแห่งเงินตรา  คนที่ออมเยอะยิ่งรวยมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยความเร็วที่มากกว่าคนที่ออมน้อย   ด้วยความตั้งใจที่จะสร้างความสมดุลย์ให้กับโลกมนุษย์  พ่อมดจึงค้นหาหนทางดูด"เงิน"จากคนที่รวยกว่า และสร้างงานให้กับคนจน (ในโลกมีประชากรเกือบ 7 พันล้านคน มีคนจนสุดๆ ถึงประมาณ 3 พันล้านคน") พ่อมดได้พัฒนาเวทย์มนต์ขึ้นมา  และบันทึกเป็นมหาคัมภีร์เล่มหนึ่ง  เป็นเวทย์มนต์ที่จะทำให้คนอยากบริโภคมากขึ้นกว่าความจำเป็นพื้นฐาน  เวทย์มนต์ทำให้ผู้คนเกิดความรู้สึกอยากได้ในสิ่งที่เขาไม่เคยอยาก   เวทย์มนต์ของพ่อมดสามารถทำให้บางบริษัทขายกาแฟที่มีต้นทุนกิโลกรัมละร้อยกว่าบาทในราคาแก้วละร้อย กว่าบาทได้ (ทั้งๆที่ต้นทุนเมล็ดกาแฟในกาแฟ 1 แก้วมีมูลค่าไม่ถึง 10 บาท) 

ในคัมภีร์เวอร์ชัน 1.0 เวทย์มนต์ทำให้คนรู้สึกอยากได้คุณค่าของสินค้า/บริการ ที่ถูกตีออกมาเป็นมูลค่า  โดยราคาขึ้นอยู่กับคุณภาพของสินค้าหรือบริการ  ในคัมภีร์เวอร์ชัน 2.0 เขาเพิ่มมิติของอารมย์ทำให้ผู้ซื้อรู้สึกแตกต่างเวลาใช้สินค้าหรือบริการนั้นๆ  และในคัมภีร์เวอร์ชันล่าสุด 3.0 เขาได้เพิ่มมิติของจิตวิญญาณเข้าไปในสินค้าทำให้ผู้ซื้อรู้สึกดีที่เป็นผู้ซื้อสินค้า/บริการ เสมอหนึ่งว่าผู้ซื้อเป็นผู้สร้างความแตกต่างจากการที่ได้ซื้อสินค้าหรือบริการนั้นๆ


ในแต่ละเวอร์ชันของคัมภีร์มีความพยายามในการตีคุณค่าออกมาเป็นมูลค่าหรือราคาเสมอ  โดยยึดหลักว่ายิ่งขายของได้แพงเท่าไรยิ่งดีเท่านั้น



สิ่งที่พ่อมดอาจจะมองข้ามไปคือเวทย์มนต์ของเขามีผลกับคนจนเท่าๆ กับคนรวย  คนจนที่มีเงินไม่พอยาไส้ก็อยากพกมือถือ อยากมีรถยนต์คันแรก บ้านหลังแรกเหมือนคนอื่นๆ เขา เครื่องมืออย่าง "เครดิท" ทำให้คนที่มีรายได้น้อยสามารถซื้อได้มากกว่ากำลังตนเพื่อตอบสนองความอยากจากเวทย์มนต์  โดยการนำเงินในอนาคตมาใช้วันนี้ และเมื่อใช้เกินกำลังมากไปเครื่องมือตัวเดียวกันก็กลายเป็นเครื่องบดขยี้ให้คนเหล่านั้นยากจนยิ่งขึ้นเป็นทวีคูณด้วยสิ่งที่เรียกว่า "ดอกเบี้ย"  เวทย์มนต์ของเขาทำให้ผู้คนมากมายกลายเป็นหนี้บัตรเครดิทชนิดที่ไม่มีปัญญาจ่าย  รวมทั้งลูกสาวแท้ๆ ของพ่อมดเองก็เป็นหนี้บัตรเครดิตจนต้องมาให้พ่อล้างหนี้บัตรเครดิทถึง 3 ครั้ง 3 คราวแล้ว  แต่ผู้คนอีกจำนวนมากไม่ได้มีพ่อที่รวยเหมือนพ่อมด บางคนหลงทางพยายามหลบจากหนี้จาก "เครดิท" ในระบบ มาเป็นหนี้นอกระบบ แต่มันกลายเป็นเครื่องจักรที่รุนแรงมากขึ้น ถูกมาเฟียตามหนี้ทำร้าย หรือบังคับให้ทำธุรกิจผิดกฎหมาย หลายคนเสียชีวิตไปด้วยฤทธิ์ของเวทย์มนต์   เวทย์มนต์ของพ่อมดหาได้เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้คนจนมีงานทำ 100% อย่างที่เขาคิดไม่ มันกลับทำให้คนจนที่ไม่รู้จักประมาณตนหลายๆคนยิ่งจนมากขึ้นไปอีก

อีกฝากหนึ่งของโลกมีพระราชาพัฒนาเวทย์มนต์ที่เรียกว่า "พอเพียง" ขึ้น แต่ดูเหมือนเวทย์มนต์นี้จะไม่ได้ขลังเท่ากับเวทย์มนต์ของพ่อมดที่กระตุ้นที่ความอยากของมนุษย์  ในขณะที่เวทย์มนต์ของพระราชากำลังบอกให้เรารู้จัก "พอ" เสียบ้าง ลดความอยากลงเสียบ้าง อย่าใช้จ่ายจนเกินกำลังของตนเอง และให้หันกลับมาใช้ชีวิตในโลกความจริงมากกว่าโลกมายา พระราชาร่ายเวทย์มาต่อเนื่องหลายสิบปีแต่ดูเหมือนผู้คนที่ทำตามจะมีน้อยมากเมื่อเทียบจำนวนประชาชนทั้งประเทศ แม้นแต่หลายๆ คนที่เอ่ยปากว่า"เรารักพระราชา" ก็หาได้เลือกเดินตามเส้นทางของพระราชาไม่

ผมเองไม่รู้ว่าบทสรุปของ "คัมภีร์สีทันดร" ของอาจารย์ตั้ม แห่งแดนมหัศจรรน์จะเป็นเช่นไร แต่หลายแนวคิดในคัมภีร์คล้ายคลึงกับเวทย์มนต์ของพ่อมด ในขณะที่เจ้าของคัมภีร์พยายามเตือนสติผู้อ่านอยู่เสมอถึงเวทย์มนต์ของพระราชา ฤ ความลับจะอยู่ที่การสลับไปมาระหว่าง 2 โลก ผู้ด้อยปัญญาอย่างผมกำลังติดตามอ่านเรื่องราวของแดนมหัศจรรย์อย่างใจจดใจจ่อ


"Earth provides enough to satisfy every man's need, but not every man's greed"
"ทรัพยากรบนโลกมีเพียงพอสำหรับความจำเป็นของทุกคน แต่ไม่พอสำหรับความโลภของทุกคน"
--มหาตมะคานธี--


ติดตามเรื่องราวเพิ่มเติมใน http://www.kasetporpeang.com/forums/index.php?topic=79810.0

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น