13 กรกฎาคม 2557

วิธีการทำเตาชีวมวลแบบ Gasifier Stove

ข้อมูลขั้นตอนการทำเตาชีวมวลแบบ Gasifier Stove มีหลายตัวอย่าง ขออนุญาตรวบรวมมาให้อ่านกัน :
1. ตัวอย่างจาก www.wisdomking.or.th/วิชาของแผ่นดิน/องค์ความรู้-ปีงบประมาณ-๒๕๕๕/162-เตาแก๊สชีวมวล.html ซึ่งเป็น Gasifier Stove ที่ทำจากถังโลหะ




2. ตัวอย่างการทำจาก www.surdi.su.ac.th/paper_public/Stove.pdf

3. ตัวอย่างการทำจาก www.tacdev.org/documents/หลักสูตรการสร้างเตาชีวมวล.pdf

4. ตัวอย่างการทำจาก www.surdi.su.ac.th/paper_public/Stove.pdf

5. ตัวอย่างการทำจาก www.surdi.su.ac.th/paper_public/Stove.pdf

5 กรกฎาคม 2557

รายชื่อพืชมีพิษ



คิดอยู่หลายรอบว่าจะเขียนบล็อกนี้ดีหรือไม่ เนื่องจากความรู้เรื่องพิษเป็นดาบ 2 คม แต่คุณพ่อของผมเคยเจอกรณีเด็กเข้ารับการรักษาเนื่องจากทานมันสำปะหลังดิบในขณะที่พ่อแม่ปล่อยเด็กอยู่ตามลำพัง เท่าที่ฟังจากคุณพ่อถ้าผู้ปกครองของเด็กไม่ช่วยให้ข้อมูลเรื่องพืชที่เป็นพิษให้กับแพทย์ และบังเอิญแพทย์ก็ไม่มีประสบการณ์พอเพียงที่จะสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากผู้ปกครอง ก็มีโอกาสสูงที่เด็กอาจจะไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้องอย่างทันท่วงที และอาจเสียชีวิตได้ เพราะเด็กหลายคนที่มารักษายังเด็กมาก ยังพูดไม่ได้ เลยไม่สามารถให้ข้อมูลได้ด้วยตัวเอง ต้องอาศัยผู้ปกครองที่ต้องสังเกตุสภาพแวดล้อมเพื่อมาบอกข้อมูลให้กับแพทย์)

ดังนั้นจึงคิดว่าเป็นเรื่องสำคัญที่เราควรจะรู้ว่าพืชอะไรที่อยู่ในบ้านของเราเป็นพิษบ้าง  ในกรณีที่เด็ก หรือสัตว์เลี้ยงบริโภคเข้าไปจะได้รีบแจ้งให้แพทย์ที่ทำการรักษาทราบเป็น ข้อมูลเพิ่มเติม ซึ่งอาจจะหมายถึงโอกาสที่จะรอดชีวิตของคนไข้เลยทีเดียว

พืชหลายๆ ชนิดในตารางข้างล่างใช้เป็นยาฆ่าแมลงในเกษตรอินทรีย์ และหลายอย่างก็ใช้เป็นพืชสมุนไพรเมื่อใช้ในปริมาณที่เหมาะสม หลายอย่างเราก็บริโภคเป็นอาหารถ้ามีการเตรียมอย่างเหมาะสม (เช่น การล้างเพื่อเจือจางสารพิษ การปรุงด้วยความร้อนที่เพียงพอที่สารพิษจะสลายตัว)

ต้องขอขอบคุณข้อมูลหลายๆ อย่างจาก http://webdb.dmsc.moph.go.th และ http://www.rspg.or.th ครับ  ต่อไปนี้เป็นรายการพืชที่มีพิษบางส่วน โดยจะเน้นเรื่องพืชที่มีพิษกับคน  เพราะหลายๆ อย่างก็อาจจะไม่มีพิษกับสัตว์ (เช่น หมูสามารถกินมันสำปะหลังสดทั้งหัวได้โดยไม่เป็นอันตราย แต่ถ้าเด็กที่มีน้ำหนัก 15 กิโลกรัม รับประทานหัวมันสดเพียง 20-40 กรัม ก็อาจทำให้ตายได้)

ชื่อชื่อวิทยาศาสตร์วงศ์ส่วนที่เป็นพิษ / อาการ
เห็ดพันธุ์อะมานิตา มัสคาเรียAmanita muscariaAmanitaceaeสารเป็นพิษที่สำคัญในเห็ดชนิดนี้คือ มัสคารีน(muscarine) เมื่อรับประทานเข้าไป 15-30 นาที จะมีอาการตัวร้อน ใจสั่น หัวใจเต้นช้าลง เส้นเลือดขยาย มีอาการผิดปกติเกี่ยวกับการเห็นภาพม่านตาหรี่ เหงื่อ น้ำลายและน้ำตาถูกขับออกมามาก ปวดบริเวณช่องท้อง คลื่นไส้ อาเจียน แน่นหน้าอก หายใจขัดและถึงตายในที่สุด
เห็ดพันธุ์อะมานิตา ฟัลลอยเดสAmanita phalloidesAmanitaceaeมีสารเป็นพิษฟัลโลท็อกซิน(phollotoxin)ซึ่งมีพิษต่อตับ และสารเป็นพิษอะมาโตท็อกซิน(amatotoxin)  อาการเป็นพิษจะเห็นชัดภายใน 6-12 ชั่วโมง อย่างช้าไม่เกิน 24 ชั่วโมง จะมีอาการอาเจียน ปวดท้องอย่างแรง ท้องเดิน เป็นตะคริว ความดันเลือดต่ำ ตับบวม และถึงแก่ความตายในที่สุด หากรับประทานจำนวนมาก คนไข้จะตายภายใน 2-3 วัน
ว่านแสงอาทิตย์Haemanthus multiflorusAmaryllidaceaeหัวและใบทำให้ท้องเดิน หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ
ว่านสี่ทิศHippeastrum johnsoniiAmaryllidaceaeหัวและใบทำให้อาเจียนและท้องเดินได้
พลับพลึงตีนเป็ดHymenocallis littoralisAmaryllidaceaeหัว ใบ และราก รับประทานเข้าไปทำให้อาเจียน ท้องเดิน
จุ๊ยเซียนNarcissus tazettaAmaryllidaceaeหัวของพืชนี้ ถ้ากินเข้าไปจะเกิดอาการชัก ท้องเดินและม่านตาขยายกว้าง
ว่านเศรษฐีPancratium ZeylanicaAmaryllidaceaeหัวของพืชนี้เป็นพิษเช่นเดียวกับหัวจุ๊ยเซียน
มะม่วงหิมพานต์Anacardium occidentaleAnacardiaceaeเมล็ด ถ้ากินดิบๆมักจะทำให้เกิดอาเจียนอย่างรุนแรง กลิ่นพร้อมสารระเหยจากการคั่วเมล็ด ทำให้เกิดอาการหลอดลมอักเสบได้
รักบ้านGluta renghasAnacardiaceaeขนตามใบแก่ที่ทำให้เกิดผื่นคันตามผิวหนัง
รักใหญ่Gluta usitataAnacardiaceaeขนใบตามแก่ และน้ำยางจากต้น, ทำให้เกิดผื่นคัน และบวมผองตามผิวหนัง
รักขาวHoligarna longifliaAnacardiaceaeยางทำให้ผิวหนังพอง
มะม่วงMangifera indicaAnacardiaceaeยางทำให้ผิวเป็นตุ่มพอง
ฮักไก่Rhus succedaniaAnacardiaceaeยางจากใบ เปลือก และผลเป็นพิษ
น้อยหน่าAnnona squamosaAnnonaceaeเมล็ดบดเป็นผง แล้วกินมักจะทำให้แท้งลูก และทำลายกระจกตา อาจทำให้ตาบอดได้ รากเป็นยาถ่ายอย่างรุนแรง ทั้งเมล็ดและใบที่บดเป็นผงใช้เป็นยาฆ่าแมลง
ชวนชมAdenium obesemApocynaceaeผงไม้หรือน้ำเลี้ยงจากกิ่งและลำต้น ถ้ากินเข้าไปจะทำให้เป็นตระคริว ปัสสาวะไม่ได้ และมีอาการชา กรรไกรแข็งหรือเป็นอัมพาต
บานบุรีเหลืองAllemanda catharticaApocynaceaeทุกๆส่วนของพืชนี้ถ้ากินเล็กน้อยจะช่วยเป็นยาระบายและทำ ให้อาเจียน ถ้ากินมากเกินขนาดจะทำให้ท้องเดินและอาเจียนไม่หยุด ทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย และอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
พังพวยฝรั่งCatharanthus roseusApocynaceaeทุกส่วน ถ้ากินมากๆเป็นยาขับเลือดและทำให้แท้งได้
ตีนเป็ดทรายCerbera manghasApocynaceaeถ้ากินใช้พอเหมาะจะเป็นยาสมุนไพร ถ้ากินมากเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งผล จะทำให้ท้องร่วง อาเจียน ทำให้แท้งลูกและตายได้
ตีนเป็ดทะเลCerbera odoratumApocynaceaeเปลือกผลให้ทำท้องเดิน เนื้อผลทำให้ท้องเดินและอาเจียน อาจถึงตายได้ ต้นและใบทำให้ท้องเดินและอาเจียน
แย้มปีนัง, บานบุรีสีม่วง Cryptostegia grandifloraApocynaceaeเมล็ด มีสาร G-strophanthin หรือ ouabain เมื่อรับประทานเมล็ดหรือยางจากเปลือก จะอาเจียน ท้องเสีย ปวดศีรษะ มองเห็นไม่ชัด มึนงง ชีพจรเต้นช้าหรือไม่สม่ำเสมอ ความดันโลหิตลด และตาย ชาวพื้นเมืองในแอฟริกาใช้หัวลูกศรจุ่มยางนี้แล้ว ยิงสัตว์หรือคน
ยี่โถNerium indicumApocynaceaeใบมีสาร cardiotonic glucosides เช่น neriin, oleandrin เป็นต้น ออกฤทธิ์คล้าย digitalis   ถ้าดม ทำให้คลื่นไส้อาเจียน วิงเวียน หน้ามืด หัวใจเต้นไม่สม่ำเสมอ ถ้ากินเข้าไปจะถ่ายเป็นเลือด และหัวใจหยุดเต้น เมล็ดเปลือกและรากมีฤทธิ์กดการหายใจ
ลั่นทมแดงPlumneria rubraApocynaceaeราก เป็นยาถ่ายอย่างแรง
ระย่อมRauwolfia serpentinaApocynaceaeราก ถ้ากินมากเกินไปทำให้เคลิบเคลิ้มและบีบหัวใจ และอาจเสียชีวิตได้
บานทนStroephanthus gratusApocynaceaeยางที่เปลือกทำให้สลบหรือตายได้ ชาวพื้นเมืองในแอฟริกาใช้หัวลูกศรจุ่มยางนี้แล้วใช้ยิงสัตว์หรือคน
ยางน่องเถาStrophanthus caudatusApocynaceaeยางจากเปลือกทำให้สลบหรือตายได้ คนพื้นเมืองจะใช้หัวลูกศรจุ่มยางนี้แล้วใช้ยิงสัตว์หรือคน
เครือน่อง, ยางน่องเครือStrophanthus scandensApocynaceaeยางจากเปลือกทำให้สลบหรือตายได้ คนพื้นเมืองใช้หัวลูกศรจุ่มยางนี้แล้วใช้ยิงสัตว์หรือคนได้
รำเพยThevetia peruvianaApocynaceaeน้ำยาง และเมล็ดมีสารพวก glycosides thevetin, thevetoxic ออกฤทธิ์คล้าย digitalis แต่ออกฤทธิ์ช้ากว่า  เป็นยาถ่ายอย่างแรง ทำให้อาเจียนและอาจแท้งลูกได้ ส่วนเมล็ด ถ้ากินจำนวนมาจะทำให้เกิดอัมพาตหัวใจ อัมพาตสันหลัง และลำไส้บีบตัวอย่างแรง
กระดาด, เผือกกะลาAlocarsia indicaAraceaeทั้งก้านใบและเหง้า ถ้าปรุงไม่ดีแล้วกินเข้าไปจะทำให้เกิดอาการคันในปากและลิ้น ทำให้บวมได้
กระดาดดำAlocasia macrorrhizosAraceaeทั้งก้านใบและเหง้า ถ้าปรุงไม่ดี แล้วกินเข้าไปจะทำให้คันในปากและลิ้น
บุกคางคกAmopgophalius campanulatusAraceaeเหง้าและก้านใบถ้าปรุงไม่ดี กินเข้าไปทำให้คันปากและลิ้นพอง
บอนสีCaladium bicolorAraceaeทั้งต้น มีผลึกรูปเข็มของ calcium oxalate และสารอื่นๆ เช่น sapotoxin   ถ้ากินเข้าไปจะเกิดอาการไหม้ที่เพดานปาก ลิ้นและคอ กล่องเสียงอาจบวม การเปล่งเสียงจะผิดปกติ และมีอาการคัน อาจอาเจียนด้วย ถ้ายางเข้าตา ตาจะอักเสบระคายเคือง
ว่านหมื่นปีDieffenbachia sequineAraceaeทั้งต้นและใบถ้ากินเข้าไปจะระคายเคืองรุนแรง ทั้งปากและลิ้นอาจบวมจนพูดหรือกินไม่ได้
โหราHomalomena aromaticaAraceaeเหง้า กินเข้าไปทำให้ประสาท หลอน; ใช้เป็นยาฆ่าแมลง
พลูแฉกMonstera deliciosaAraceaeยางจากต้น และต้น มีสาร calcium oxalate, lycorine alkaloids  ถ้าเคี้ยวเข้าไปจะทำไห้ปาก ลิ้น เพดาน แสบและร้อนแดง เกิดอาการอาเจียน ท้องเสียเล็กน้อย เนื่องจากสารพิษไประคายเคือง mucosa และไปกระตุ้นระบบประสาทส่วนกลางที่ควบคุมการอาเจียน
ไฟเดือนห้าAsclepias curassavicaAsclepiadaceaeทุกส่วนมีสารพวกกลัยโคไสด์ ถ้ากินมากเกินไจะทำให้กล้ามเนื้อหัวใจเป็นอัมพาตและอาจถึงแก่ชีวิตได้
รักCalotropis giganteaAsclepiadaceaeยางจากทุกส่วนเป็นยาถ่ายอย่าง แรง และบีบหัวใจ เปลือกจากต้นและรากทำให้อาเจียน
ตะบาHoya coronaria BlumeAsclepiadaceaeยางจากทุกส่วนของพืชชนิดนี้ ถ้ากินเข้าไปจะทำให้อาเจียนอย่างแรง
ข้าวสารดอกเล็กRaphistemma hooperianumAsclepiadaceaeเมล็ด หากกินมากเกินไปจะทำให้กล้ามเนื้อหัวใจเป็นอัมพาตและอาจถึงแก่ชีวิตได้
ข้าวสารดอกใหญ่Raphistemma pulchellumAsclepiadaceaeเมล็ดมีสารพวกกลัยโคไสด์ ที่เผป็นพิษต่อหัวใจ
เถาวัลย์ด้วนSarcostemma brunonianumAsclepiadaceaeลำต้นทำให้อาเจียนอย่างแรง
สลิด, ขจรTelosma minorAsclepiadaceaeรากทำให้อาเจียน เถาหรือลำต้นมีสารพิษ
ว่านหางจระเข้Aloe veraAsphodelaceaeยางสีเหลืองจากใบ ถ้ารับประทานเข้าไปทำให้อาเจียน ท้องรุ่วง
ทุเรียนผีNeesia altissimaBombacaceaeขนแข็งภายในผลทำให้ผิวหนังพองเจ็บ และคันมาก
ช้างไห้Neesia malayanaBombacaceaeขนแข็งภายในผลทำให้ผิวหนังพองเจ็บ และคันมาก
หญ้างวงช้างHeliotropium indicumBoraginaveaeทุกส่วนของต้นมีสารพวก อินดิศีน ถ้ากินเข้าไปจะเข้าไปจะทำให้เกิดโรคตับอักเสบ ดอกและรากทำให้แท้งลูกได้
ราชาวดีป่าBuddleja asiaticaBuddlejaceaeทุกส่วนใช้เบื่อปลา และ ถ้าคนกินเข้าไปมากจะทำให้แท้งลูกได้
ช้องรำพันBuxus rolfeiBuxaceaeผล ใช้เบื่อปลา
ปีบฝรั่งLaurentia longifloraCampanulaceaeน้ำเลี้ยงจากต้นทำให้กล้ามเนื้อหัวใจเป็นอัมพาตและระคายเคืองต่อปากและคอ
กัญชาCanabis sativaCannabidaceaeใบและช่อดอกและถ้าสูบหรือกิน ทำให้เกิดอาการประสาทหลอน มีนเมาและอาเจียน
กุ่มน้ำCrateva magnaCapparaceaeน้ำเลี้ยงหรือยางจากรากและยอดอ่อนระคายผิวหนัง
ใบระบาดArgyreia nervosaConvolvulaceaeใบ และเมล็ด มีสาร cyanogenic glycosides   ใบ ถ้ารับประทานเข้าไปทำให้คลุ้มคลั่ง ตาพร่า มึนงง  เมล็ด ถ้ารับประทานเข้าไปทำให้ประสาทหลอน
ผักบุ้งทะเลIpomoea pes-capraeConvolvulaceaeเมล็ด - ถ้ารับประทานเข้าไปทำให้ประสาทหลอน คลุ้มคลั่ง หวาดผวาคล้ายวิกลจริต
เอื้องหมายนาCostus speciosus Verbenaceaeเหง้าสดมีพิษมาก ถ้าใช้ในปริมาณมาก จะทำให้ท้องร่วง อาเจียนอย่างรุนแรง
ขี้กาแดงGymnopetalum integrifoliumCucurbitaceaeผลทำให้ท้องเดินอย่างรุนแรง เมล็ดเป็นยาเบื่อที่มีฤทธิ์รุนแรงมาก ทำให้เสียชีวิตได้ง่าย แต่ส่วนอื่นเป็นยาสมุนไพรที่มีประโยชน์
ฟักข้าวMomordica cochinchinensisCucurbitaceaeเมล็ดดิบมีพิษเช่นเดียวกับขี้กาแดง ส่วนอื่นเป็นสมุนไพรที่มีประโยชน์มาก
กลอยDioscorea hispidaDioscoreaceaeหัวที่ยังดิบอยู่มีพิษอาจบริโภคเข้าไปตายทันที แต่ถ้านำมาฝานบางๆแล้วแช่ในน้ำไหล 2-3วัน นำมาผึ่งให้แห้งแล้วนำไปนึ่งให้สุกผสมกับข้าวเหนียวใช้บริโภค ใบมีสารพิษเช่นเดียวกับหัว
เม้าแดงLyonia ovalifoliaEricaceaeทุกส่วนกล่าวว่าเป็นพิษต่อคนและสัตว์
ตำแยแมวAcalypha indicaEupgorbiaceaeขนตามใบทำให้ผิวหนังเป็นผื่นคัน
ตำแยช้างCnesmone javanicaEupgorbiaceaeขนตามเถาใบ ดอก และผล ทำให้ปวดและคันมาก
สลัดไดป่าEuphorbia antiquorumEupgorbiaceaeน้ำยางจากทุกส่วนที่ทำให้เกิดผื่นคันและเป็นแผลตามผิวหนัง
น้ำนมราชสีห์Euphorbia hirtaEupgorbiaceaeน้ำยางกัดผิวหนังทำให้เป็นผื่นและเป็นแผลได้
สลัดไดบ้านEuphorbia trigonaEupgorbiaceaeน้ำยางกัดผิวหนังทำให้เป็นแผลและผื่นได้
ตาตุ่มทะเลExcoecaria agallochaEupgorbiaceaeน้ำยางสีขาว ทำให้คัน ถ้าเข้าตาทำให้ตาบอดได้
กำลังกระบือExcoecaria cochinchinenesisEupgorbiaceaeยางจะทำให้ผิวหนังคันและเป็นแผล
ตังตาบอดExococaria bantamensisEupgorbiaceaeยางสีขาว ถ้าถูกผิวหนังทำให้เป็นผื่นคัน และเป็นแผล ถ้าเข้าตาจะทำให้ตาบอดได้
โพบาย, สลีนกSapium baccatumEupgorbiaceaeยางสีขาวตามเปลือก ทำให้คันและเป็นแผลพองตามผิวหนัง
ตาตุ่มบก, สะเก็ดแรดSapium insigneEupgorbiaceaeยางสีขาวจากเปลือกและใบ ทำให้คันและเป็นแผลพอง ถ้าเข้าตาทำให้ตาบอดได้
ตองแตกBaliospermum montanumEuphorbiaceaeเมล็ด ทำให้ท้องเดินอย่างแรง
โป๊ยเซียนEuphorbia miliiEuphorbiaceaeน้ำยาง มีสาร resin, diterpene ester  ถ้าน้ำยางถูกผิวหนังหรือเข้าตา ทำให้เกิดระคายเคือง แสบ บวม แดง ถ้ารับประทานจะทำให้ทางเดินอาหารอักเสบ
คริสต์มาสEuphorbia pulcherrimaEuphorbiaceaeน้ำยางสีขาวจากใบ ต้นมีสาร  resin   สารออกฤทธิ์เป็นกลุ่ม diterpene ester  น้ำยางถูกผิวหนังจะระคายเคืองมาก ผิวหนังเป็นปื้นแดง ต่อมาจะบวมพองเป็นตุ่มน้ำ ภายใน 2- 8 ชั่วโมง ถ้ารับประทานจะทำให้กระเพาะอักเสบ
พญาไร้ใบEuphorbia tirucalliEuphorbiaceaeน้ำยางสีขาวเหมือนน้ำนม  มีสาร 4-deoxyphorbol และอนุพันธ์เป็นสารร่วมก่อมะเร็ง euphorbon, euphorone, resin, taraxasterol, tirucallol  ถ้าถูกผิวหนัง ทำให้เป็นผื่น อักเสบ บวมแดง ถ้าเข้าตา ตาจะอักเสบแดง ถ้ารักษาไม่ถูกหรือทิ้งไว้ตาอาจบอดได้    ถ้ารับประทานเข้าไปมาก ช่องปากจะบวม คลื่นไส้ อาเจียน กระเพาะปัสสาวะและลำไส้อักเสบอย่างรุนแรง อาจอุจจาระเป็นเลือด
ตาตุ่มทะเลExcoecaria agallochaEuphorbiaceaeยางจากต้น และสารจากต้น มีสาร  oxocarol, agalocol, isoagalocol ellagic acid, gallicacid   ยาง หรือควันไฟจากการเผาไหม้ตาตุ่มทะเลเข้าตา จะทำให้ตาเจ็บ ถ้ามากอาจทำให้ตาบอดได้ถ้าหอยปูไปเกาะไม้ตาตุ่ม เมื่อนำมารับประทานจะทำให้เกิดอาการพิษ ท้องเสียอย่างรุนแรง อาเจียน
สบู่ดำJatropha curcasEuphorbiaceaeน้ำยางและเมล็ด มีสารพิษ toxalbumin (curcin) และ phorbal ester หากน้ำยางถูกผิวหนังจะระคายเคือง บวมแดง แสบร้อนอย่างรุนแรง  เมื่อบริโภคเมล็ดและน้ำมันในเมล็ดเข้าไประมาณ 30-60 นาทีจะทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียนปวดท้อง ถ่ายเป็นเลือด  รายที่อาการรุนแรงจะมีการเกร็งของกล้ามเนื้อที่มือและเท้า หายใจเร็ว หอบ หัวใจเต้นผิดปกติ และอาจเสียชีวิตได้
ปัตตาเวียJatropha integerrimaEuphorbiaceaeใบ - ถ้ารับประทานเข้าไปทำให้คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ท้องเดิน
ฝิ่นต้นJatropha multifidaEuphorbiaceaeน้ำยางมีฤทธิ์ทำให้เกิดอาการอักเสบระคายเคือง เมล็ดมีสาร curcin, jatrophin ซึ่งเป็นสารพิษพวก toxalbumin  ถ้าน้ำยางถูกผิวหนังจะระคายเคือง บวมแดงแสบร้อน ถ้ารับประทานเมล็ดเข้าไปจะทำให้กระเพาะอักเสบ มีอาการคลื่นไส้อาเจียน ปวดท้อง อาจมีอาการชา แขนขาอาจเป็นอัมพาต ได้ถึง 24 ชั่วโมง และจะค่อยๆดีขึ้นภายใน 7 วัน การหายใจเต้นเร็ว ความดันต่ำ ถ้ารับประทาน 3 เมล็ด อาจตายได้
หนุมานนั่งแท่นJatropha podagricaEuphorbiaceaeเมล็ด และยาง มีสารพิษมีฤทธิ์คล้าย toxalbumin,curcin พิษจาก resin alkaloid glycoside  น้ำยาง - ถูกผิวหนังเกิดอาการแพ้ บวมแดงแสบร้อน เมล็ด - ถ้ารับประทานเข้าไปจะทำให้เกิดอาการ ปวดหัว คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย กล้มเนื้อชัดกกระตุก หายใจเร็ว การเต้นของหัวใจผิดปกติ ความดันต่ำ พิษคล้ายละหุ่ง เมล็ดมีรสอร่อยแต่รับประทานเพียง 3 เมล็ด ก็เกิดอันตรายได้
มันสำปะหลังManihot esculentaEuphorbiaceaeถ้านำมาบริโภคดิบๆ จะมีพิษถึงตายได้ ส่วนที่มีพิษมากที่สุดคือเปลือกและหัว พบว่าเปลือกแห้งมีกรดไฮโดรไซยานิคอยู่ราวร้อยละ 0.035 ในหัวแห้งมีร้อยละ 0.009 เปลือกสดมีอยู่ 5-10 เท่าของเนื้อในหัว ในน้ำคั้นหัวสดมีร้อยละ 1.66 ดังนั้นถ้าเด็กที่มีน้ำหนัก 15 กิโลกรัม รับประทานหัวมันดิบ 20-40 กรัม ก็อาจทำให้ตายได้  อาการเป็นพิษคือ คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ชัก หอบ มึนงง หายใจขัด หมดสติ อาจตายภายใน 2-4 ชั่วโมง
ละหุ่งRicinus communisEuphorbiaceaeใบ ลำต้น และเมล็ดละหุ่งประกอบด้วย โปแตสเซียม ไนเตรท (Potassium nitrate) และกรดไฮโดรไซยานิค ( Hydrocyanic acid) ขนาดของพิษ ricin ที่ทำให้คนถึงแก่ชีวิตประมาณ 1 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม หรือประมาณละหุ่ง 8 เมล็ด การกินเมล็ดละหุ่งโดยการเคี้ยวและกลืนเข้าไปจะเป็นอันตรายมากโดยเฉพาะอย่าง ยิ่งในเด็ก ซึ่งมีโอกาสที่จะแพ้สารพิษได้ง่าย แม้จะเป็นเพียงแค่เคี้ยวและกลืนเข้าไปเพียง 1 เมล็ดเท่านั้นก็อาจเสียชีวิตได้
ไฮแดรนเยียHydrnagea macrophyllaHydrangeaceaeทั้งต้นสด มีสาร Cyanogenetic glycosides  ถ้ารับประทานจะทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน กล้ามเนื้อทำงานไม่สัมพันธ์กัน เดินเซเหมือนคนเมา หายใจลำบาก กล้ามเนื้อเปลี้ย ถ้าเป็นมากหมดสติ บางรายมีอาการชัก
เห็ดพันธุ์อีโนไซบ์Inocybe spp.Inocybaceaeถ้ารับประทานเห็ดชนิดนี้ จะมีอาการปวดท้อง เนื่องจากกระเพราะอาหารและลำไส้หดเกร็ง
ชุมเห็ดเทศCassia alataLeguminsoae-Caesalpinioideaeดอก และใบ  มีสารกลุ่มแอนทราควิโนน เช่น rhein, emodin และ aloeemodin  ทำให้ถ่ายท้อง  (ทานในปริมาณน้อยจะเป็นยาระบาย)
ลูกเนียง, ชะเนียงArchidendron jiringaLeguminsoae-Mimosaceaeรับประทานลูกเนียงดิบเป็นจำนวนมาก จะทำให้ปัสสาวะไม่ออก หรือปัสสาวะไม่สะดวก ปัสสาวะขุ่นขาวเป็นสีน้ำนม อาจมีอาการปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียนอย่างรุนแรง ถ้าอาการมากระบบไตจะล้มเหลว และถึงตายในที่สุด
มะกล่ำตาหนูAbrus precatoriusLeguminsoae-Papilionideaeเมล็ดมะกล่ำตาหนู ภายในเมล็ดมีส่วนประกอบของ N-methyltryptophan, abric acid, glycyrrhizin, lipolytic enzyme และ abrin ซึ่งสูตรโครงสร้างของ abrin คล้าย ricin เป็นส่วนที่มีพิษสูงมาก หากเคี้ยว หรือกินเข้าไป เนื่องจากสารพิษจะไปทำลายเม็ดเลือดแดง ระบบทางเดินอาหาร และไต  ขนาดเพียง 0.01 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม หรือกินเพียง 1 เมล็ด ก็ทำให้เสียชีวิตได้ หากสารพิษถูกผิวหนังอาจทำให้เกิดผื่นคัน หากถูกตาจะทำให้เกิดอาการระคายเคืองและอาจถึงกับตาบอดได้
หมามุ่ยน้อยMucuna bracteataLeguminsoae-Papilionideaeขนตามฝักแก่ และใบแก่ ทำให้เกิดอาการคันตามผิวหนัง
หมามุ่ยMucuna giganteaLeguminsoae-Papilionideaeขนตามฝักแก่ จะทำให้เกิดอาการคัน และปวด
หมามุ่ยขนMucuna gracilipesLeguminsoae-Papilionideaeขนจากส่วนต่างๆของพรรณไม้ชนิดนี้ทำให้เกิดอาการผื่นคัน
หมามุ่ยแม้วMucuna hainanensisLeguminsoae-Papilionideaeขนตามฝักแก่ทำให้เกิดระคายเคืองและผื่นตามผิวหนัง
สะบ้าลายMucuna interruptaLeguminsoae-Papilionideaeขนตามฝักแก่ทำให้ปวดและคันตามผิวหนัง
หมามุ่ยใหญ่Mucuna monospermaLeguminsoae-Papilionideaeขนตามฝักแก่ ทำให้ปวดและคันตามผิวหนัง
หมามุ่ยฝักงอนMucuna pruriensLeguminsoae-Papilionideaeขนตามส่วนต่างๆของพรรณไม้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากฝัก ทำให้เกิดอาการคันตามผิวหนังและปวดตามข้อ
หมามุ่ยฝักย่นMunuca biplicataLeguminsoae-Papilionideaeขนตามฝักแก่จะทำให้เกิดอาการคัน และปวดมาก
มันแกวPachyrhizus erosusLeguminsoae-Papilionideaeเมล็ดมีสารที่มีฤทธิ์เป็นยาฆ่าแมลง หลายชนิด ได้แก่ pachyrrhizin, pachyrrhizone, 12-(A)-hydroxypachyrrhizone, dehydropachyrrhizone, dolineone, erosenone, erosin, erosone , neodehydrorautenone, 12 -(A)-hydroxy lineonone, 12-(A)-hydroxymundu- serone (8), rotenone (9) นอกจากนี้ยังมีสารซาโปนิน ได้แก่ pachysaponins A และ B ซึ่งละลายน้ำได้ และเป็นพิษต่อปลาทำให้ปลาตาย ส่วนใบของมันแกวนั้นมีสารพิษคือ pachyrrhizid ซึ่งมีพิษต่อโคและกระบือมากกว่าม้า   ถ้ารับประทานเข้าไป จะทำให้เกิดอาการระคายเคืองในระบบทางเดินอาหาร คลื่นไส้ อาเจียน การหายใจเข้าไปพิษจะรุนแรงกว่า โดยไปกระตุ้นระบบการหายใจ ตามด้วยการกดการหายใจ ชัก และอาจถึงชีวิตได้  มีรายงานว่าถ้ารับประทานเมล็ดมันแกวเพียงครึ่งเมล็ดจะเป็นยาระบาย และบางแห่งใช้เป็นยาขับพยาธิ ดังนั้นจึงควรระมัดระวัง นอกจากนี้อาจเกิดอาการพิษเรื้อรัง โดยทำให้ไขมันในตับและไตเปลี่ยนแปลง ส่วนพิษของสารซาโปนิน จะมีผลต่อระบบทางเดินอาหารเช่นกัน คือมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ลำไส้อักเสบ ในรายที่เป็นรุนแรงอาจมีปัญหาในระบบกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง ไม่สามารถทรงตัวได้ ระบบไหลเวียนโลหิตผิดปกติและทำให้ชักได้
ช้างแหกSpatholobus ferrugineusLeguminsoae-Papilionideaeขนตามฝักแก่ทำให้เกิดการคันตามผิวหนัง
เพชฌฆาตสีทองGelsemium  elegansLoganiaceaeทุกส่วนของต้นให้น้ำยางที่เป็นพิษ โดยจะพบ alkaloid ที่เป็นพิษมาก ได้แก่ Gelsemine, Gelsemicine, Koumine, Kouminine, Kouminicine, Kumatenidine  alkaloids ที่เป็นพิษดังกล่าว เมื่อกินเข้าไป จะทำให้เกิดการหลั่งน้ำลายมาก, สมองมึนงง, ความรู้สึกสับสน, กระตุ้นระบบประสาทส่วนกลาง, สั่น, ชัก และถ้ามีอาการหนักก็ทำให้หยุดหายใจได้ ในทางยาเรานำมารักษาโรคเนื้องอกในโพรงจมูก และเนื้องอกที่ผิวหนังบางชนิด ในขนาดต่ำ ๆ ใช้เป็นยาลดไข้ ยาชงจากใบเพียงสามใบใช้เป็นยาสั่ง (ตาย) ได้
โพทะเลThespesia populneaMalvaceaeยางจากต้น เปลือก  ถ้าเข้าตาทำให้ตาบอดได้ เปลือกมีฤทธิ์ทำให้อาเจียน
เลี่ยนMelia  toozendanMeliaceaeดอก ผล เปลือก และต้น มีสารอัลคาลอยด์ azaridine  ถ้ารับประทานเข้าไปมาก (โดยเฉพาะส่วนผล) จะมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสียรุนแรง อาจเป็นลม กระหายน้ำอย่างรุนแรง ความจำสับสน หายใจลำบาก ชักและเป็นอัมพาต อาจง่วงหลับ มีรายงานว่า เด็กรับประทานผลเลี่ยน 6-8 ผล ถึงแก่ความตาย
ยางน่องAntiaris toxicariaMoraceaeยางจากเปลือกทำให้สลบหรือตายได้ คนพื้นเมืองใช้หัวลูกศรจุ่มยางนี้แล้วใช้ยิงคนหรือสัตว์
ขนุนArtocarpus heterophyllusMoraceaeยางทั้งจากใบ เปลือกและ ผล ทำให้ผิวหนังเป็นผื่นเป็นแผลได้
มะเดื่องปล้องFicus hispidaMoraceaeยางทั้งจากใบ เปลือกและ ผล ทำให้ผิวหนังเป็นผื่นคันและตุ่มพอง
ข่อยStreblus asperMoraceaeใบ ถ้าถูกผิวหนังส่วนที่อ่อนๆ จะทำให้ผิวหนังเป็นแผลได้ ยางจากเปลือกทำให้เป็นผื่นและตุ่มพองตามผิวหนัง
เสม็ด, เสม็ดขาวMelaleuca cajuputiMyrtaceaeน้ำมันจากใบทำให้ระคายเคืองและเป็นผื่นคันตามผิวหนัง
สถานJasminum grandiflorumOleaceaeดอกมักมีการนำมาร้อยเป้นพวงมาลัยใส่ข้อมือและสวมคอ อาจทำให้เป็นผื่นคันได้
ผักหวานป่าMelientha sauvisOpiliaceaeการบริโภคใบสดๆ ในปริมาณมากๆ อาจทำให้เกิดอาการเบื่อเมาเป็นไข้และอาเจียนได้
ผักหวานเมา, ผักหวานดงUrobotrya siamensisOpiliaceaeลักษณะดูคล้ายกับผักหวานป่ามาก เมื่อบริโภคใบเข้าไปจะมีอาการเมาเบื่อ
ฉก, ลูกชิดArenga pinnataPalmaeขนตามผิวผล รวมทั้งน้ำเลี้ยงจากเปลือกผล ทำให้เกิดอาการตคันอย่างรุนแรงตามผิวหนัง
เต่าร้างแดง, เต่ารั้งหนูCaryota mitisPalmaeชนตามผล และน้ำเลี้ยงตามผิวใบของลำต้น ทำให้เป็นผื่นคันตามผิวหนัง ถ้าเข้าตาทำให้ตาบอดได้
เต่าร้างยักษ์Caryota obtusaPalmaeขนตามผิวผลและน้ำเลี้ยงตามผิวในของลำต้นทำให้เป็นผื่นคันตามผิวหนัง ถ้ายางเข้าตาทำให้ตาบอดได้
เต่ารั้ง, เต่าร้างCaryota urensPalmaeขนตามผิวผล และยางตามผิวในของลำต้น,ทำให้และเป็นผื่นตามผิวหนัง ถ้าเข้าตาอาจทำให้ตาบอดได้
พิษลักษณ์Phytollacca AmericanaPhytolaccaceaeทั้งต้นมีสารพิษ ซาโปนินแฟรคชั่น  เมื่อบริโภคมีผลต่อระบบทางเดินอาหาร ทำให้คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย เป็นตะคริวที่ท้อง หรือในรายที่สูดดมเข้าไปจะพบว่าระคายเคืองต่อคอดวงตา บางรายมีผลกดระบบหายใจ
ถุงมือจิ้งจอกDigitalis spp.Plantaginaceaeต้นและดอกมีสาร Digitalis ซึ่งใช้ทำยารักษาโรคหัวใจ  เมื่อทานเข้าไปปริมาณมากจะทำให้หัวใจวาย และเสียชีวิตได้
เห็ดพันธุ์โคปรีนัส อาทราเมนทาเรียสCoprinus atramentarius หรือ
Coprinopsis atramentaria
Psathyrellaceaeมีสารที่รวมตัวกับแอลกอฮอล์แล้วจะเกิดพิษ คนดื่มสุราพร้อมกับรับประทานเห็ดชนิดนี้ จะมีอาการใจสั่น หายใจหอบ หายใจลำบาก แน่นหน้าอก คลื่นไส้ อาเจียน ปวดศรีษะ
เหมือดคน , ต้นขี้หนอน, นมวัวScleropyrum wallichianumSantalaceaeใบมีลักษณะคล้ายผักหวานป่า ซึ่งชาวบ้านมักเก็บผิดเสมอๆ ใบและดอกของไม้ชนิดนี้เป็นพิษ   เมื่อบริโภคจะทำให้มึนเมา คลื่นไส้ อาเจียน กระหายน้ำ ทุรนทุราย บางรายอาการมากจะเจ็บในลำคอ เจ็บในท้อง หมดสติ และถึงแก่ความตายในที่สุด
ขี้หนอนZollingeria DongnaiensisSapindaceaeดอกอ่อนเป็นพิษ เมื่อกินเข้าไปทำให้เกิดอาการมึนเมา อาเจียนและอาจทำให้ถึงตายได้
ราตรีCestrum noctumumSolanaceaeผลดิบมีสารพวก solanine alkaloids ผลสุกมี  atropine alkaloids ใบมี nicotine, nornicotine alkaloids ถ้ารับประทานเข้าไปภายในครึ่งชั่วโมงจะมีอาการปากคอแห้ง มึนงง ม่านตาขยาย อุณหภูมิในร่างกายขึ้นสูง หัวใจเต้นเร็ว ปัสสาวะไม่ออก การหายใจจะช้าลง
ลำโพง, มะเขือบ้าDatura albaSolanaceaeเมล็ดและใบซึ่งมีสารเป็นพิษประเภทอัลคาลอยด์ คือ สโคโปลามีน (scopolamine) ไฮออสไซยามีน (hyoscyamine) และอะโทรปีน (atropine)  ถ้ากินเข้าไปจะทำให้คอแห้ง ลิ้นแข็ง หัวใจเต้นเร็ว เสียสติคล้ายคนบ้า อาการจะปรากฏภายในเวลา 5-10 นาทีหลังจากกินเข้าไป แต่ไม่ถึงกับทำให้เสียชีวิต เพราะพิษจะเกิดกับระบบประสาทส่วนกลางและระบบประสาทอัตโนมัติ โดยจะแสดงอาการอยู่ราว 2-3 วัน
ยาสูบNicotiana tabacumSolanaceaeใบยาสูบเป็นแหล่ง alkaloids หลายชนิด โดยเฉพาะ Nicotine และ Nor-nicotine, Nicoteine, Nicotelline, Nicotinine, Anabasine และสารอื่น ๆ อีก  ถ้าทำการสกัด Nicotine ออกมาจากซิการ์เพียงมวนเดียว แล้วฉีดเข้าเส้นเลือดในคน จะมีพิษถึงขนาดทำให้ตายได้
แสลงใจStrychnos nux-vomicaStrychnaceaeเมล็ดแก่แห้ง พบว่ามีแอลคาลอยด์ strychnine และ brucine ซึ่งมีฤทธิ์กระตุ้นระบบประสาทส่วนกลาง มีความเป็นพิษสูง strychnine มีพิษมากประมาณ 60-90 มก. ก็ทำให้คนตายได้ มีพิษต่อระบบส่วนกลาง เมื่อรับประทานเข้าไปจะถูกดูดซึมจากกระเพาะอาหารและลำไส้ หลังจากนั้นประมาณ 1 ชม. คนไข้จะชักแขนขาเกร็งและหยุดหายใจในที่สุด
หานช้างฮ้องDendrocnide basilotundaUrticaceaceขนหรือเกล็ดตามส่วนต่างๆ ของช่อดอกทำให้เกิดอาการคันเป็นผื่นแดงและปวดมาก
กะลังตังช้างDendrocnide sinuataUrticaceaceขนตามใบและส่วนต่างๆของช่อดอก ทำให้คัน ผิวหนังไหม้ หรือแดงเป็นผื่นและปวดมาก
ตำแยช้าง, สามแก้วDendrocnide stimulansUrticaceaceขนหรือเกล็ดตามส่วนต่างๆ เช่น ใบ ช่อดอก จะทำให้เกิดอาการคัน ผิวหนังไหม้เกรียม หรือแดง เป็นผื่นและปวดมาก
หานสาGirardinia diversifoliaUrticaceaceขนหรือหนามตามส่วนต่างๆทำให้เจ็บคันและปวด
หานช้างร้องGirardnia heterophyllaUrticaceaceขนหรือหนามตามส่วนต่างๆทำให้เจ็บ คัน และปวดมาก
ลังตังช้าง, ตำแยLaportea bulbiferaUrticaceaceขนหรือหนามตามส่วนต่างๆทำให้เจ็บคันและปวด
หานLaportea disepalaUrticaceaceขนหรือหนามตามส่วนต่างๆทำให้เจ็บคันและปวด
ตำแยตัวเมียLaportea interruptaUrticaceaceขนตามส่วนต่างๆ จะทำให้ระคายเคืองตามผิวหนังและผื่นแดง
กะลังตังช้างGirardinia heterophyllaUrticaceaeขนหรือหนามตามส่วนต่างๆทำให้เจ็บ คัน และปวดมาก
เทียนหยดDuranta repensVerbenaceaeใบ ผล มีสาร saponin และผลมีสาร narcotine alkaloids   รับประทานผลอาจตายได้ จะทำให้อาเจียน ปวดท้อง ปวดศีรษะ มีไข้ ตาพร่า กระหายน้ำมาก ถ้าได้รับพิษมาก เม็ดเลือดแดงแตกได้ พืชนี้เป็นพิษต่อสัตว์เลือดเย็นด้วย
ผกากรองLantana camaraVerbenaceaeใบ - มีสาร triterpenes ชื่อ lantadene A และ B และสารขม corchorin เป็นพิษต่อคนและสัตว์เลี้ยง แต่ไม่เป็นพิษต่อตับ แต่อนุพันธ์ของมันเป็นพิษต่อตับ ในใบยังมีสารขม corchorin กินมากทำให้คลื่นไส้ อาเจียน ม่านตาขยาย ชีพจรผิดปกติ และอาจหมดสติ  เมล็ด - ในผลแก่แต่ยังไม่สุกมีสาร glycosides corchoroside A และB จะกระตุ้นหัวใจ
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมใน http://my-experimental-farm.blogspot.com/p/plants.html