ในโลกมายาที่เรียกว่า "ทุนนิยม"
มีอาวุธที่เรียกว่่า "เงิน" เป็นอาวุธพื้นฐาน มีเครื่องทุ่นแรงหลักที่เรียกว่า "เครดิท" มีพ่อมดตนหนึ่งเข้าใจเรื่องราวเหล่านี้อย่างดีเยี่ยม
พ่อมดมีความเข้าใจอย่างดีว่าในโลกมายาจะแตกต่างกับโลกของจริงอย่างสิ้นเชิง ในโลกความเป็นจริงมนุษย์อาจจะสะสมอาหารหรือวัตถุสิ่งของได้บ้าง แต่ด้วยกฎธรรมชาติวัตถุต่างๆ ย่อมมีการเสื่อม ไม่ว่าเทคโนโลยีการถนอมอาหารจะดีแค่ไหน สุดท้ายแล้วอาหารย่อมมีวันหมดอายุ ทรัพย์สมบัติย่อมมีการเสื่อมไปตามกาลเวลา แต่มนุษย์จะสามารถสะสมทรัพย์สินในโลกมายาได้โดยไม่มีข้อจำกัดเรื่องอายุ มนุษย์จึงสามารถสะสมทรัพย์สินในโลกมายาโดยไม่มีข้อจำกัดเรื่องความเสื่อม ดังนั้นจึงสามารถตอบสนองความโลภได้ไม่สิ้นสุด
คนที่มีความสามารถมากกว่าย่อมสามารถหาทรัพย์สินในโลกมายาได้มากกว่า หากบริหารทรัพย์สินในโลกมายาเก่งจะพบว่าทรัพย์สินในโลกมายายังสามารถเพิ่มพูนทวีได้โดยที่เราไม่ต้องเอาของจากโลกความจริงไปแลก หรือต้องทำงานแลกทรัพย์สินในโลกมายา ดังนั้นคนที่มีทรัพย์สินในโลกมายาเยอะ ผนวกกับความรู้จะยิ่งสามารถได้ทรัพย์สินในโลกมายาได้มากขึ้นกว่าคนที่มีทรัพย์สินน้อย
ผลพวงจากการเข้าไปสัมผัส และใช้ชีวิตในโลกมายาอย่างยาวนานของมนุษย์ทำให้ช่องว่างระหว่างชนชั้นยิ่งสูงมากขึ้นด้วยกลไกแห่งเงินตรา คนที่ออมเยอะยิ่งรวยมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยความเร็วที่มากกว่าคนที่ออมน้อย ด้วยความตั้งใจที่จะสร้างความสมดุลย์ให้กับโลกมนุษย์ พ่อมดจึงค้นหาหนทางดูด"เงิน"จากคนที่รวยกว่า และสร้างงานให้กับคนจน
(ในโลกมีประชากรเกือบ 7 พันล้านคน มีคนจนสุดๆ ถึงประมาณ 3 พันล้านคน")
พ่อมดได้พัฒนาเวทย์มนต์ขึ้นมา และบันทึกเป็นมหาคัมภีร์เล่มหนึ่ง เป็นเวทย์มนต์ที่จะทำให้คนอยากบริโภคมากขึ้นกว่าความจำเป็นพื้นฐาน เวทย์มนต์ทำให้ผู้คนเกิดความรู้สึกอยากได้ในสิ่งที่เขาไม่เคยอยาก เวทย์มนต์ของพ่อมดสามารถทำให้บางบริษัทขายกาแฟที่มีต้นทุนกิโลกรัมละร้อยกว่าบาทในราคาแก้วละร้อย
กว่าบาทได้ (ทั้งๆที่ต้นทุนเมล็ดกาแฟในกาแฟ 1 แก้วมีมูลค่าไม่ถึง 10 บาท)
ในคัมภีร์เวอร์ชัน 1.0
เวทย์มนต์ทำให้คนรู้สึกอยากได้คุณค่าของสินค้า/บริการ ที่ถูกตีออกมาเป็นมูลค่า โดยราคาขึ้นอยู่กับคุณภาพของสินค้าหรือบริการ
ในคัมภีร์เวอร์ชัน 2.0 เขาเพิ่มมิติของอารมย์ทำให้ผู้ซื้อรู้สึกแตกต่างเวลาใช้สินค้าหรือบริการนั้นๆ และในคัมภีร์เวอร์ชันล่าสุด 3.0
เขาได้เพิ่มมิติของจิตวิญญาณเข้าไปในสินค้าทำให้ผู้ซื้อรู้สึกดีที่เป็นผู้ซื้อสินค้า/บริการ เสมอหนึ่งว่าผู้ซื้อเป็นผู้สร้างความแตกต่างจากการที่ได้ซื้อสินค้าหรือบริการนั้นๆ
ในแต่ละเวอร์ชันของคัมภีร์มีความพยายามในการตีคุณค่าออกมาเป็นมูลค่าหรือราคาเสมอ
โดยยึดหลักว่ายิ่งขายของได้แพงเท่าไรยิ่งดีเท่านั้น
สิ่งที่พ่อมดอาจจะมองข้ามไปคือเวทย์มนต์ของเขามีผลกับคนจนเท่าๆ กับคนรวย
คนจนที่มีเงินไม่พอยาไส้ก็อยากพกมือถือ อยากมีรถยนต์คันแรก
บ้านหลังแรกเหมือนคนอื่นๆ เขา เครื่องมืออย่าง "เครดิท"
ทำให้คนที่มีรายได้น้อยสามารถซื้อได้มากกว่ากำลังตนเพื่อตอบสนองความอยากจากเวทย์มนต์ โดยการนำเงินในอนาคตมาใช้วันนี้
และเมื่อใช้เกินกำลังมากไปเครื่องมือตัวเดียวกันก็กลายเป็นเครื่องบดขยี้ให้คนเหล่านั้นยากจนยิ่งขึ้นเป็นทวีคูณด้วยสิ่งที่เรียกว่า "ดอกเบี้ย"
เวทย์มนต์ของเขาทำให้ผู้คนมากมายกลายเป็นหนี้บัตรเครดิทชนิดที่ไม่มีปัญญาจ่าย รวมทั้งลูกสาวแท้ๆ ของพ่อมดเองก็เป็นหนี้บัตรเครดิตจนต้องมาให้พ่อล้างหนี้บัตรเครดิทถึง 3
ครั้ง 3 คราวแล้ว แต่ผู้คนอีกจำนวนมากไม่ได้มีพ่อที่รวยเหมือนพ่อมด
บางคนหลงทางพยายามหลบจากหนี้จาก "เครดิท" ในระบบ มาเป็นหนี้นอกระบบ
แต่มันกลายเป็นเครื่องจักรที่รุนแรงมากขึ้น ถูกมาเฟียตามหนี้ทำร้าย
หรือบังคับให้ทำธุรกิจผิดกฎหมาย หลายคนเสียชีวิตไปด้วยฤทธิ์ของเวทย์มนต์
เวทย์มนต์ของพ่อมดหาได้เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้คนจนมีงานทำ 100%
อย่างที่เขาคิดไม่ มันกลับทำให้คนจนที่ไม่รู้จักประมาณตนหลายๆคนยิ่งจนมากขึ้นไปอีก
อีกฝากหนึ่งของโลกมีพระราชาพัฒนาเวทย์มนต์ที่เรียกว่า "พอเพียง" ขึ้น
แต่ดูเหมือนเวทย์มนต์นี้จะไม่ได้ขลังเท่ากับเวทย์มนต์ของพ่อมดที่กระตุ้นที่ความอยากของมนุษย์ ในขณะที่เวทย์มนต์ของพระราชากำลังบอกให้เรารู้จัก "พอ"
เสียบ้าง ลดความอยากลงเสียบ้าง อย่าใช้จ่ายจนเกินกำลังของตนเอง
และให้หันกลับมาใช้ชีวิตในโลกความจริงมากกว่าโลกมายา
พระราชาร่ายเวทย์มาต่อเนื่องหลายสิบปีแต่ดูเหมือนผู้คนที่ทำตามจะมีน้อยมากเมื่อเทียบจำนวนประชาชนทั้งประเทศ แม้นแต่หลายๆ คนที่เอ่ยปากว่า"เรารักพระราชา"
ก็หาได้เลือกเดินตามเส้นทางของพระราชาไม่
ผมเองไม่รู้ว่าบทสรุปของ
"คัมภีร์สีทันดร" ของอาจารย์ตั้ม แห่งแดนมหัศจรรน์จะเป็นเช่นไร
แต่หลายแนวคิดในคัมภีร์คล้ายคลึงกับเวทย์มนต์ของพ่อมด
ในขณะที่เจ้าของคัมภีร์พยายามเตือนสติผู้อ่านอยู่เสมอถึงเวทย์มนต์ของพระราชา ฤ
ความลับจะอยู่ที่การสลับไปมาระหว่าง 2 โลก
ผู้ด้อยปัญญาอย่างผมกำลังติดตามอ่านเรื่องราวของแดนมหัศจรรย์อย่างใจจดใจจ่อ
"Earth provides enough to satisfy every man's need, but not every man's greed"
"ทรัพยากรบนโลกมีเพียงพอสำหรับความจำเป็นของทุกคน แต่ไม่พอสำหรับความโลภของทุกคน"
--มหาตมะคานธี--
ติดตามเรื่องราวเพิ่มเติมใน http://www.kasetporpeang.com/forums/index.php?topic=79810.0
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น