11 กุมภาพันธ์ 2557

ประโยชน์ของหิน

หากไม่สนใจ เรื่องมูลค่าของหินว่าจะเป็นบ่อทองหรือไม่ ในมุมของกลุ่มเพอร์มาคัลเชอร์  หินเองก็เป็นประโยชน์กับการปลูกต้นไม้ และระบบนิเวศน์หลายอย่าง เช่น
  • ช่วย ในการยึดเกาะของรากต้นไม้  มีการพบว่าต้นไม้ที่ปลูกในบริเวณที่มีหินอยู่ใต้ดินจะสามารถทนต่อการโค่น ล้มจากแรงลมพายุ ได้ดีกว่าต้นไม้ที่ปลูกในบริเวณที่ไม่มีหินเลย
  • ช่วน รักษาความชื้น ภายใต้ดินที่ปกคลุมด้วยหินจะชื้นกว่าหน้าดินเปลือยๆ  ในธรรมชาติเราจึงจะพบพืชหลายชนิดที่งอกออกมาจากซอกหิน  รากของพืชมักจะอยู่ใต้หินที่มีความชื้นมากกว่า และโพล่เฉพาะส่วนต้นตรงขอบหิน



    ใน เรื่องนี้ปู่บิลเรียกว่า "Edge Effect" (อิทธิพลของแนวขอบ)  โดยได้ขยายความออกไปไม่เฉพาะที่ขอบของก้อนหิน  แต่ยังแนวขอบอื่นๆ เช่น ตามแนวขอบป่าแสงสว่างจะส่องเข้าไปข้างในป่าได้มาก  อากาศใกล้ผิวดินตามแนวขอบป่าก็ผันแปรมาก  เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวเย็น จึงจะทำให้มีพืชที่ชอบร่มมากๆ เติบโตได้ไม่ดี ในขณะเดียวกันก็ทำให้ต้นไม้ที่ชอบแดดมากๆ ก็เติบโตไม่ดีเช่นกัน  จึงจะมีพืชชนิดใหม่ๆ ที่สามารถเติบโตได้ดีในลักษณะแบบนี้ เพิ่มความหลากหลายของชนิดพันธู์ไม้ในพื้นที่   หรือตามแนวขอบน้ำโดยเฉพาะในบริเวณน้ำตื้น  บางช่วงก็ถูกน้ำท่วม บางช่วงก็แห้งเห็นพื้นดิน จึงเป็นที่อยู่ของพืชอีกกลุ่มหนึ่งที่แตกต่างจากต้นไม้ที่ปลูกในบริเวณอื่นๆ

    ในแนวของกลุ่มเพอร์มาคัลเชอร์เชื่อในเรื่องความหลากหลาย ทั้งความหลากหลายในเรื่องชนิด (Species Diversity)  ความหลากหลายของพันธุกรรม (Genetic Diversity) และความหลากหลายของระบบนิเวศ (Ecosystem Diversity)  ยิ่งมีความหลากหลายมากยิ่งมีโอกาสมากที่เราจะพบความสัมพันธ์แบบการอยู่ร่วม กัน (symbiosis) ที่สิ่งหนึ่งในธรรมชาติจะเกื้อกูลอีกสิ่งหนึ่งในธรรมชาติ   เป็นการสร้างโอกาสให้ธรรมชาติช่วยเราทำงานได้มากขึ้น
  • ช่วย ดักไอน้ำในอากาศ เนื่องจากคุณสมบัติความจุความร้อนของหิน  ในช่วงเช้าหินจึงจะเย็นกว่าอากาศ  หินที่กองรวมกันจึงทำให้ไอน้ำในอากาศช่วงเช้าเกิดการจับตัวเป็นน้ำค้าง  แต่เนื่องจากหินไม่อุ้มน้ำ  น้ำค้างจึงจะไหลลงมายังดินด้านล่าง  ให้ความชุ่มชื้นกับดิน

    เครดิตภาพจาก http://permaculturenews.org/2009/11/02/rethinking-water-a-permaculture-tour-of-the-inland-northwest


    ในบางพื้นที่จึงใช้เทคนิคการกองหินเป็นตัวช่วยดักน้ำจากไอน้ำในอากาศให้กับต้นไม้
  • ลดการสูญเสียความชื้น  โดยกองหินให้ร่มเงาบังแดดไม่ให้โดนพื้นดินโดยตรง  และบังลมไม่ให้พัดพาความชื้นจากผิวดินเร็วจนเกินไป
  • ลด การแข่งขันกับวัชพืชในช่วงต้น  เนื่องจากเหลือพื้นที่หน้าดินน้อยลงให้เมล็ดวัชพืชจะงอกได้ยากขึ้น  แต่ในระยะยาวหากมีวัชพืชที่สามารถงอกได้แล้ว  วัชพืชก็ได้รับประโยชน์จากหินเหมือนๆ กับต้นไม้ของเรา  ในเวลานั้นหวังว่าต้นไม้ที่เราปลูกจะเติบโตบดบังแสงไม่ให้ถึงวัชพืชมากนัก
  • ให้ แร่ธาตุกับต้นไม้  โดยปกติในดินประกอบด้วยแร่ธาตุที่เป็นของแข็ง อินทรียวัตถุ น้ำ และอากาศที่มีสัดส่วนแตกต่างกันออกไป  แร่ธาตุเหล่านี้เกิดจากการผุพังของหิน  ในดินที่มีอายุมากแล้วเราจะไม่ค่อยพบวัตถุต้นกำเนิดอย่างหินมากนักจึงอาจจะ ต้องเติบผงหิน (rock dust) เพื่อให้เป็นดินที่อุดมสมบูรณ์มากขึ้น



    ส่วน ในดินแบบทีสวนขี้คร้าน  มีหินเป็นทรัพยากรที่จะผุพังเป็นแร่ธาตุต่อไปในอนาคต  ขาดอยู่เพียงอินทรีย์วัตถุจำนวนมากๆ  การปล่อยให้วัชพืชเติบโตเพื่อเสริมอินทรีย์วัตถุจึงเป็นกลจักรสำคัญในการ สร้างดินในพื้นที่  ส่วนอากาศจะเกิดจากความโปร่งที่สิ่งมีชีวิตในดิน เช่น ไส้เดือน มด ปลวก จะช่วยสร้างให้  แต่เราก็ต้องสร้างอาหารให้พวกเขา  อาหารอย่างหนึ่งของพวกสิ่งมีชีวิตเหล่านี้คือวัชพืช
  • ปก ป้องต้นไม้จากสัตว์ที่ชอบคุ้ย ( เช่น ไก่ หนู ฯลฯ) ในช่วงแรกที่ต้นไม้ยังไม่แข็งแรงพอ  ซึ่งบางครั้งเป็นการขุดเพื่อหาแมลง การขุดเพื่อกินรากอ่อนของต้นไม้  โดยหินจะเป็นอุปสรรคในการคุ้ย หรือการขุดของสัตว์เหล่านี้พอๆ กับความลำบากของเราในการขุดดินปนหินเพื่อปลูกต้นไม้ ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม
  • เป็น ที่อยู่ของสัตว์ขนาดเล็ก และแมลง โดยสัตว์/แมลงเหล่านี้จะอาศัยช่องว่างระหว่างก้อนหินเป็นที่หลบภัยจากศัตรู   สัตว์/แมลงเหล่านี้หลายชนิดมีส่วนในการกำจัดศัตรูของพืช  แต่เราเองก็ต้องระมัดระวังเพราะบางชนิดก็มีอันตรายกับคน เช่น ตะขาบ
  • เป็น ที่ยืนของนกและสัตว์ขนาดเล็กบริเวณชายขอบของสระน้ำ  การวางก้อนหินไว้ที่ชายน้ำจึงทำให้นก และสัตว์ขนาดเล็กสบายใจมากขึ้นที่จะลงมากินน้ำในสระโดยไม่พลาดจมน้ำตาย หรือจมเลนไปซะก่อน  จึงเป็นดึงดูดให้ระบบนิเวศน์มีความหลากหลายในทางอ้อม  นอกจากนั้นหินยังช่วยทำให้อุณหภูมิของน้ำแตกต่างกันมากขึ้น ช่วยในเรื่องการไหลเวียนของน้ำในสระ

หาก จะหาวิธีใช้ประโยชน์กับหินในธรรมชาติ คงจะหาได้อีกมากมาย เช่น เอามาทำสิ่งปลูกสร้าง เอามาประดับ ฯลฯ  แต่คิดว่าเพื่อนๆ น่าจะได้ไอเดียบ้างว่าการมีหินในสวนขี้คร้านอาจจะไม่ได้เป็นความโชคร้ายซะที เดียวนัก  อาจจะเป็นความกรุณาของธรรมชาติที่เหมาะสมสำหรับพื้นหิน เอ๊ย...พื้นดินเหล่านี้แล้ว  เราจึงยังต้องขุดหินปลูกต้นไม้กันต่อไป  ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม


ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมที่ http://www.kasetporpeang.com/forums/index.php?topic=79810.0

1 ความคิดเห็น:

  1. รู้แล้วค่ะทีนี้...ว่าทำไมสวนหินๆถึงมีปลวกเยอะจัง...ใต้ต้นขบเบอรี่เวลาจะปลูกผักหวานป่า..เขี่ยใบไม้แถวนั้น มักจะพบปลวกมากเลยค่ะ...เพิ่แบบนี้นี่เอง...ขอบคุณค่ะ... : )

    ตอบลบ