1. การสำรวจแนวที่จะสร้าง swale
ใน การขุด swale จะเริ่มจากการวางแผนก่อน ในกรณีนี้ผมกำลังจะทดลอง swale ในพื้นที่ประมาณ 40% ของสวน จึงต้อง้เริ่มด้วยการค้นหาตำแหน่งที่จะขุด โดยผมจะต้องหาแนวเส้นที่มีระดับความสูงเท่ากัน ถ้าเรามีอุปกรณ์ไฮเทคราคาแพงอย่างเครื่องวัดแนวระดับด้วยเลเซอร์ หรือกล้องสำรวจราคาหลักหมื่นก็จะสามารถนำมาใช้งานได้ แต่...เพื่อความพอเพียง เรามาใช้เทคนิคบ้านๆ ในการหาแนวระดับคือ
1.1 การใช้ A-Frame Level
เทคนิค นี้สามารถทำงานคนเดียวได้ โดยเทคนิคนี้จะใช้ไม้ 3 ชิ้นมาประกอบกันเป็นเฟรมรูปตัวอักษร A ตามรูปข้างล่าง จากนั้นเราก็หาวัตถุที่มีน้ำหนักมาผูกเชือกห้อยมาจากด้านบนของเฟรมเพื่อทำ หน้าที่เป็นลูกดิ่ง
เรา จะทำเครื่องหมายตำแแหน่งที่ลูกดิ่งควรจะอยู่ถ้าขาทั้ง 2 ข้างของเฟรมอยู่ที่ระดับเดียวกันโดยการไปทดลองตั้งเฟรมในพื้นที่เรียบแล้วทำ เครื่องหมายของตำแหน่งเชือก หลังจากนั้นก็จะสลับตำแหน่งของขาเฟรม แล้วทำเครื่องหมายอีกครั้ง ถ้าพื้นเรียบจริงๆ ตำแหน่งของเชือกในทั้งสองครั้งจะเป็นตำแหน่งเดียวกันเลย ถ้าพื้นไม่ได้ระดับตำแหน่งของการวัดทั้ง 2 ครั้งจะห่างกันเล็กน้อย ตำแหน่งแนวดิ่งจริงๆ ก็จะอยู่ประมาณกึ่งกลางของการวัดทั้ง 2 ครั้ง
ใน การหาแนวระดับจะใช้วิธีหมุนเฟรมไปจนหาตำแหน่งกระทั่งเจอตำแหน่งที่เชือกหยุด ในตำแหน่งที่วัดไว้ตอนแรกซึ่งจะเป็นตำแหน่งที่ขาทั้งสองข้างอยู่ที่ระดับ เดียวกัน เราจะปักหมุดตำแหน่งไว้แล้วขยับเฟรมหาตำแหน่งที่ที่ขาทั้งสองข้างอยู่ระดับ เดียวกัน
1.2 การใช้ท่อใสใส่น้ำวัดระดับ
วิธี นี้ให้เอาน้ำมาใส่สายยางแบบใสและไล่ฟองอากาศที่อยู่ท่อให้หมด หาไม้ 2 อันมาผูกปลายสายยางทั้งสองข้าง เอาไม้ทั้งสองอันมากวางชิดกัน ระดับน้ำในท่อจะเท่ากัน และทำตำแหน่งระดับน้ำไว้
ต่อ มาถ้าระดับของไม้อยู่สูงต่ำต่างกัน ระดับน้ำในท่อก็จะปรับระดับให้เท่ากันอีก ทำให้ในด้านที่สูงจะมีระดับน้ำต่ำกว่าที่ทำเครื่องหมายไว้ตอนแรก ส่วนด้านที่ต่ำกว่าจะมีระดับน้ำสูงกว่าที่ทำเครื่องหมายไว้ตอนแรก
ใน การใช้งานหาแนวระดับด้วยวิธีนี้จะต้องใช้ 2 คนอยู่คนละด้านของปลายสายยาง คนแรกจะยืนอยู่กับที่ คนที่สองจะต้องเดินหาตำแหน่งที่คิดว่ามีระดับเท่ากัน และต้องค่อยๆ ขยับหาตำแหน่งที่จะทำให้ระดับน้ำในสายยางทั้งสองข้างอยู่ที่ตำแหน่งตอนวาง ไม้ชิดกัน เมื่อได้ตำแหน่งแล้วก็ปักหมุดทำเครื่องหมายไว้ และขยับออกไปหาตำแหน่งถัดไปเรื่อยๆ จนสุดสายยาง เมื่อสุดสายยางแล้วคนแรกก็ต้องขยับมาอยู่ที่ตำแหน่งล่าสุดที่ปักหมุดไว้ และทำซ้ำไปเรื่อย
ผม เลือกใช้วิธีวัดระดับน้ำ เนื่องจากวิธีนี้ทำงานได้เร็วกว่า ยืดหยุ่นในการหาตำแหน่งมากกว่า แต่จะต้องมีคนช่วยดูระดับน้ำอีกคน (ใช้ 2 คนนั่นเอง) ไม้รวกที่ใช้ผมก็ไม่ได้ถึงกับทำ scale อะไรมากมาย แค่เอาปากกาเมจิกแบบ permanent มาร์คตำแหน่งไว้นิดหน่อย
คน ที่ชอบการควบคุมว่าเวลาจะขุดร่องก็ขอให้เป็นเส้นตรง หรือเป็นแนวตามที่ต้องการจะรำคาญกับวิธีนี้มากเนื่องจาก เราจะไม่ใช่คนควบคุม ธรรมชาติจะค่อยๆ เปิดเผยเส้นทางขุดที่เป็นแนวระดับในที่ดินให้กับเราเอง เมื่อเราทำไปสักพักอาจจะพบว่าแนวขุดจะต้องขุดโดนต้นไม้ สำหรับผมเอง ไม่อยากขุดต้นไม้ก็เลยจะใช้วิธีขยับแนวขุดหลบต้นไม้ การขยับแนวแต่ละครั้งหมายความว่าจะต้องวัดแนวระดับกันใหม่หมด
ปล1. เวลาอ่านระดับน้ำกรุณาตั้งไม้ให้อยู่ในแนวดิ่งจริงๆ ไม่งั้นจะเพี้ยน
ปล2. เวลาจะยกระดับของปลายท่อให้สูง หรือต่ำมากเกินไป ต้องบอกให้อีกฝ่ายหนึ่งทราบก่อนจะได้เอานิ้วอุดปลายสายยางไว้ เพื่อกันไม่ให้น้ำไหลออกมาจากสายยาง
2.ขุดร่อง
หลัง จากทราบแนวระดับแล้วก็จะเริ่มลงมือขุด เครื่องมือที่ใช้จะขึ้นกับขนาดของ swale ความลาดชัน ลักษณะโครงสร้างดิน ทรัพยากรที่คุณมีในพื้นที่ และความสามารถในการเคลื่อนย้านเครื่องจักร เดี๋ยวผมจะกลับมาขยายความเรื่องการคำนวนขนาดของ swale อีกครั้งนึง
ใน ขั้นตอนนี้ผมเลือกใช้รถขุด (Backhoe) เนื่องจากมีคนจ้างรถขุดมาทำงานใกล้ๆ อยู่แล้วทำให้ผมไม่ต้องเสียค่าจ้างเคลื่อนรถขุด และดินในสวนผมจะมีหินเป็นองค์ประกอบมาก หินบางก้อนหนักมากจนต้องใช้ผู้ใหญ่ถึง 3 คนจึงจะสามารถยกขึ้น การขุดด้วยแรงงานคนในพื้นที่แบบนี้จึงยุ่งยาก ต้องจ่ายค่าแรงมากเกินไป แต่ผมก็ต้องแลกด้วยการยอมเคียร์พื้นที่ในส่วนนี้ด้วยรถไถก่อนเพื่อให้ เครื่องจักรเข้าทำงานได้สะดวก
หมายเหตุ ความจริงอีกกว่า 60% ที่เหลือมีต้นไม้ติดสวนอยู่จำนวนพอสมควร ทำให้ผมไม่อยากเอารถขุดเข้าไปทำงาน ในส่วนที่เหลือผมจึงจะใช้เทคนิคอื่นที่ค่อยๆ ทำได้ ซึ่งจะเป็นโครงการปีหน้า ไว้จะมาแชร์ให้ฟังอีกครั้ง
เมื่อผมเลือก ใช้รถขุดแล้ว ขนาดของ swale ของผมก็เลยไปขึ้นอยู่กับขนาดของบุ้งกี๋ (Bucket) ความจริงผมต้องการร่องเล็กกว่านี้ แต่เพื่อให้รถขุดทำงานง่าย ผมจึงเลือกให้เขาขุดขนาดประมาณกว้าง 1 บุ้งกี๋ลึก 1 บุ้งกี๋ ซึ่งออกมาจะเป็นขนาดกว้างประมาณ 1-1.5 เมตร ลึกประมาณ 1 เมตร
ผมให้ รถขุดขับตามไม้ที่ปักไว้เป็นสัญญาณของแนวระดับ ตักเอาดินในร่องไปวางเป็นเนินดินในด้านที่ต่ำกว่า และช่วยเกลี่ยให้ดินเรียบนิดหน่อย เพื่อให้ง่ายในการปลูกพืชในภายหลัง
อาศัยความชำนาญของคนขับ แนวระดับจะโค้งอย่างไร ก็ดูเหมือนไม่มีปัญหากับคนขับรถขุดเลย
หรือจะโค้งแบบนี้ ความงดงามของธรรมชาติกำลังเปิดเผยตัวตนออกมาเป็นดั่งลายเส้นของจิตรกรบนผืนแผ่นดิน
3. ปลูกพืช
ในระหว่างการขุด swale ควรจะออกแบบไว้ตั้งแต่ตอนแรกว่าจะปลูกอะไร และให้เพื่อนในทีมช่วยดินตามรถขุด ปลูกพืชคุมดิน และต้นไม้ ไปเลย เดี๋ยวเราค่อยกลับมาคุยเรื่องพืชที่เลือก
เรื่อง นี้เป็นที่ผมทำผิดพลาดอย่างใหญ่หลวง เนื่องจากตอนเริ่มทดลองขุด swale ก็ไม่ได้คิดว่ามันจะได้ผลอะไร กะอีแค่ร่องดินธรรมดา อีกอย่างพอเห็นสภาพดินที่ขุดที่มีอินทรีย์วัตถุน้อยมาก หน้าดินตื้น แถมมีหินเยอะอีกต่างหาก ในใจยังคิดเลยว่าขนาดหญ้ามันยังไม่ค่อยจะขึ้น แล้วจะรีบปลูกต้นไปทำไม เดี๋ยวก็ตาย เสียแรงเปล่า (จิตใจฝ่ายขีคร้านเข้าครอบงำ)
ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมที่ http://www.kasetporpeang.com/forums/index.php?topic=79810.0
หลัง จากทราบแนวระดับแล้วก็จะเริ่มลงมือขุด เครื่องมือที่ใช้จะขึ้นกับขนาดของ swale ความลาดชัน ลักษณะโครงสร้างดิน ทรัพยากรที่คุณมีในพื้นที่ และความสามารถในการเคลื่อนย้านเครื่องจักร เดี๋ยวผมจะกลับมาขยายความเรื่องการคำนวนขนาดของ swale อีกครั้งนึง
ใน ขั้นตอนนี้ผมเลือกใช้รถขุด (Backhoe) เนื่องจากมีคนจ้างรถขุดมาทำงานใกล้ๆ อยู่แล้วทำให้ผมไม่ต้องเสียค่าจ้างเคลื่อนรถขุด และดินในสวนผมจะมีหินเป็นองค์ประกอบมาก หินบางก้อนหนักมากจนต้องใช้ผู้ใหญ่ถึง 3 คนจึงจะสามารถยกขึ้น การขุดด้วยแรงงานคนในพื้นที่แบบนี้จึงยุ่งยาก ต้องจ่ายค่าแรงมากเกินไป แต่ผมก็ต้องแลกด้วยการยอมเคียร์พื้นที่ในส่วนนี้ด้วยรถไถก่อนเพื่อให้ เครื่องจักรเข้าทำงานได้สะดวก
หมายเหตุ ความจริงอีกกว่า 60% ที่เหลือมีต้นไม้ติดสวนอยู่จำนวนพอสมควร ทำให้ผมไม่อยากเอารถขุดเข้าไปทำงาน ในส่วนที่เหลือผมจึงจะใช้เทคนิคอื่นที่ค่อยๆ ทำได้ ซึ่งจะเป็นโครงการปีหน้า ไว้จะมาแชร์ให้ฟังอีกครั้ง
เมื่อผมเลือก ใช้รถขุดแล้ว ขนาดของ swale ของผมก็เลยไปขึ้นอยู่กับขนาดของบุ้งกี๋ (Bucket) ความจริงผมต้องการร่องเล็กกว่านี้ แต่เพื่อให้รถขุดทำงานง่าย ผมจึงเลือกให้เขาขุดขนาดประมาณกว้าง 1 บุ้งกี๋ลึก 1 บุ้งกี๋ ซึ่งออกมาจะเป็นขนาดกว้างประมาณ 1-1.5 เมตร ลึกประมาณ 1 เมตร
ผมให้ รถขุดขับตามไม้ที่ปักไว้เป็นสัญญาณของแนวระดับ ตักเอาดินในร่องไปวางเป็นเนินดินในด้านที่ต่ำกว่า และช่วยเกลี่ยให้ดินเรียบนิดหน่อย เพื่อให้ง่ายในการปลูกพืชในภายหลัง
อาศัยความชำนาญของคนขับ แนวระดับจะโค้งอย่างไร ก็ดูเหมือนไม่มีปัญหากับคนขับรถขุดเลย
หรือจะโค้งแบบนี้ ความงดงามของธรรมชาติกำลังเปิดเผยตัวตนออกมาเป็นดั่งลายเส้นของจิตรกรบนผืนแผ่นดิน
3. ปลูกพืช
ในระหว่างการขุด swale ควรจะออกแบบไว้ตั้งแต่ตอนแรกว่าจะปลูกอะไร และให้เพื่อนในทีมช่วยดินตามรถขุด ปลูกพืชคุมดิน และต้นไม้ ไปเลย เดี๋ยวเราค่อยกลับมาคุยเรื่องพืชที่เลือก
เรื่อง นี้เป็นที่ผมทำผิดพลาดอย่างใหญ่หลวง เนื่องจากตอนเริ่มทดลองขุด swale ก็ไม่ได้คิดว่ามันจะได้ผลอะไร กะอีแค่ร่องดินธรรมดา อีกอย่างพอเห็นสภาพดินที่ขุดที่มีอินทรีย์วัตถุน้อยมาก หน้าดินตื้น แถมมีหินเยอะอีกต่างหาก ในใจยังคิดเลยว่าขนาดหญ้ามันยังไม่ค่อยจะขึ้น แล้วจะรีบปลูกต้นไปทำไม เดี๋ยวก็ตาย เสียแรงเปล่า (จิตใจฝ่ายขีคร้านเข้าครอบงำ)
ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมที่ http://www.kasetporpeang.com/forums/index.php?topic=79810.0
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น