30 ตุลาคม 2556

ปฐมบท

ย้อนเวลากลับไปเมื่อเกือบ 2 ปีแล้ว ระหว่างที่กำลังรื้อของในบ้าน สายตาก็ได้เหลือบไปเห็นหนังสือหน้าปกเก่าที่ไม่เคยถูกเปิดขึ้นมาอ่านอีกเป็น เวลาร่วม 20 ปีมาแล้ว ผมยังจำวันแรกที่เลือกซื้อหนังสือนี้ได้ดี ผมเลือกซื้อเพราะชื่อมันแปลกดี "ปฏิวัติยุคสมัยด้วยฟางเส้นเดียว" แถมยังคิดในใจ...ขี้โม้จัง แต่ก็ซื้อมาอ่าน  อ่านจบก็ได้รับแรงบันดาลใจจากทัศนคติอันลุ่มลึก และประสบการณ์อันน่าทึ่งผ่านงานเกษตรกรรมของคุณปู่ฟูกูโอกะ  ทำให้ติดตามผลงานเขียนในหนังสือ "วิถีสู่ธรรมชาติเล่ม 1-3"

มาซาโนบุ ฟูกูโอกะ (ขอเรียกสั้นๆ ว่าปู่ฟู)

อ่านจบสรุปใจความรวมๆ ได้ว่าหลักการทำการเกษตรธรรมชาติของปู่ฟูคือ

1. ไม่ไถพรวนดิน
ทันที ที่เลิกการไถพรวนดิน จำนวนวัชพืชจะลดน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด ประเภทของวัชพืชในที่ดินแปลงนั้นก็จะเปลี่ยนแปลงไปด้วย วิธีการโดยทั่วไปในการจัดการกับวัชพืชก็คือการไถพรวนดิน แต่เมื่อคุณไถพรวนดิน เมล็ดที่อยู่ลึกในดินซึ่งไม่มีโอกาสงอกอยู่แล้วก็จะถูกพรวนให้ขึ้นมาอยู่ที่ ผิวดิน และเป็นโอกาสให้มันได้งอกขึ้นมา ยิ่งกว่านั้นการไถพรวนดินก็เป็นวิธีที่ทำให้วัชพืชที่งอกไวโตเร็วทั้งหลาย แพร่ขยายตัวยิ่งขึ้น ดังนั้น คุณอาจพูดได้ว่าเกษตรกรที่พยายามควบคุมการเติบโตของวัชพืชโดยการไถพรวนดิน นั้น แท้จริงแล้วเป็นผู้หว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความโชคร้ายด้วยตัวเขาเอง

2. ไม่ใช้ปุ๋ยเคมี หรือปุ๋ยหมัก
คน เรามักจะเข้าไปวุ่นวายกับธรรมชาติ และเขาก็ไม่สามารถแก้ไขผลเสียที่เกิดขึ้นได้ไม่ว่าจะพยายามอย่างไร วิธีการเพาะปลูกที่เลินเล่อสะเพร่าทำให้สูญเสียหน้าดินอันอุดมสมบูรณ์ไป และดินก็จะจืดลงทุกปี แต่ถ้าปล่อยดินอยู่ในสภาพของมันเองดินจะสามารถรักษาความอุดมสมบูรณ์ตาม ธรรมชาติเอาไว้ได้ ซึ่งเป็นไปตามวงจรชีวิตของพืชและสัตว์อย่างมีระเบียบ

3. ไม่กำจัดวัชพืช ไม่ว่าโดยการถางหรือใช้ยาปราบ
วัชพืช มีบทบาทสำคัญในการสร้างความอุดมสมบูรณ์ให้แก่ดินและช่วยให้เกิดความสมดุลใน สิ่งแวดล้อมทางชีววิทยา ตามหลักการพื้นฐาน วัชพืชเป็นสิ่งที่ต้องควบคุม แต่ไม่ต้องกำจัด

4. ไม่ใช้สารเคมี
เมื่อ พืชอ่อนแอลงเพราะผลจากการปฏิบัติที่ไม่เป็นไปตามธรรมชาติ อันได้แก่การไถพลิกดิน การใช้ปุ๋ยเป็นต้น ความไร้สมดุลของโรคพืช และแมลงก็จะกลายเป็นปัญหาใหญ่ ในการเกษตรธรรมชาตินั้นหากปล่อยไว้ตามลำพังจะอยู่ในสภาพสมดุล แมลงที่เป็นอันตรายและโรคพืชมักมีอยู่เสมอ แต่ไม่เคยเกิดขึ้นในธรรมชาติจนถึงระดับที่ต้งองใช้สารเคมีที่มีพิษเหล่านั้น เลย วิธีการควบคุมโรคและแมลงที่เหมาะสม ก็คือการปลูกพืชที่แข็งแรงในสภาพแวดล้อมที่สมบูรณ์

ว้าว...มันชั่ง เข้ากับนิสัยขี้คร้านของเราจังเลย  เราไม่ต้องทำอะไรเดี๋ยวธรรมชาติเขาจะปรับตัวของเขาเอง  ฟังดูชั่งอุดมคติซะจริงๆ  จนแล้วจนรอดความขี้คร้านเข้ามาเยือน มัวแต่หลงระเริงไปกับยุคเทคโนโลยีทำให้ไม่เคยลงมือปฏิบัติ  ก็...ไม่ต้องทำอะไร  เดี๋ยวธรรมชาติเขาจัดการเอง...คิ คิ   เย้ย...ไม่ใช่ หาข้ออ้างไปได้

ว่าแล้วก็อยากไขข้อข้องใจที่คาใจมากว่า 20 ปี  เราจะทำแบบที่ปู่ฟูทำได้มั๊ย? ตอนแรกตั้งใจไว้ว่าจะเรียนกับปู่ฟูเลย  แต่ตอนนี้ก็ทำไม่ได้แล้ว  เราปล่อยวันเวลาผ่านไปโดยไม่ได้ลงมือทำจนปู่ฟูมาเสียชีวิตไปเมื่อ 16 สิงหาคม 2008 (2551) ตอนนี้คิดจะไปเรียนกับบรมอาจารย์ ปู่ฟู ก็ทำไม่ได้แล้ว  วันนี้มีกำลังทรัพย์ แต่ไม่ค่อยเหลือกำลังกายเราจะทำไหวมั๊ยเนี่ย...ในใจคิด  สุดท้ายตัดสินใจลองดู ไม่อยากเสียดายที่ไม่ได้ลงมือทำแบบที่ผ่านมา

ตั้งแต่ นั้นก็เริ่มตะเวณหาซื้อที่ดินที่ในดวงใจเพื่อใช้เป็นห้องทดลองแนวการทำการ เกษตรแบบปู่ฟู  จากนั้นหาอีกสารพัดเหตุผลในการขออนุมัติงบประมาณจากภรรยา ไม่ว่าที่ดินนี้จะเป็นที่พักผ่อน จะเป็นที่ปลูกผักผลไม้ปลอดสารพิษ จะเป็นที่ได้ออกกำลังกายเวลาทำสวน เป็นงานอดิเรกหลังเกษียณ และอีกสารพัดเหตุผลจากแม่น้ำทั้งห้า จนภรรยาเห็นชอบในหลักการ จากนั้นผมและภรรยาก็ค่อยๆ ใสความต้องการเข้ามาทีละข้อได้แก่
  • ถูก
    อัน นี้สำคัญมาก  เพราะอยากทำแบบพอเพียงตามกำลังทรัพย์  เผื่อเป็นที่พักผ่อนเวลาเกษียณ  ไม่ได้อยากลงทุนแพงๆ  หวังว่าของที่ดินราคาไร่ละไม่ถึงแสน ไม่งั้นก็จะแสนสาหัส   ยิ้มกว้างๆ ยิ้มกว้างๆ ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม
  • ระยะทางไม่ไกลจาก กทม. มากนัก
    (ไม่ อยากให้เกิน 200 กิโลเมตร) อยากจะใช้เวลาในการเดินทางไม่เกิน 2-3 ชั่วโมง  ไม่งั้นความขี้คร้านจะเข้ามาเป็นใหญ่ มีหวังได้ไปสวนปีละครั้งเดียวแน่ๆ อีกอย่างก็คือจะได้มีเวลาไปทดลอง และติดตามผลการทดลองของเราบ่อยๆ
  • ที่ดินอยู่สูงไว้ก่อน
    ได้ ยินเรื่องโลกร้อนกรอกหูมาเป็นสิบปีก็เลยกังวัลเรื่องน้ำท่วม  ภรรยาขอให้เป็นที่สูงเกิน 60-80 เมตรจากระดับน้ำทะเล  สูงเป็นร้อยเมตรได้ยิ่งดี
  • ไม่ไกลจากแหล่งน้ำธรรมชาติ
    จะ เกษตรธรรมชาติยังงัย ก็ขอแหล่งน้ำกันเหนียวไว้สักหน่อย  เผื่อไม่เป็นแบบที่ปู่ฟูบอก  หากต้องทำระบบน้ำจะได้มีแหล่งน้ำให้ทำได้ (ขุดบ่อแล้วได้น้ำบ้างก็ยังดี)
  • ใกล้แหล่งท่องเที่ยว
    อัน นี้ภรรยาขอ เพราะเวลามีคนมาเยี่ยมเราจะได้มีที่เที่ยวที่อยู่ไม่ไกล นอกเหนือจากมาที่สวนด้วย ตอนแรกก็เป็นอะไรก็ได้  ต่อมาภรรยาก็บอกว่าไหนๆ เราก็จะเลือกวิวภูเขา (เพราะเลือกที่สูง) แล้ว ขอเป็นแบบไม่ไกลจากทะเลด้วยดีกว่า  เลยยิ่งเหลือน้อยจังหวัดไปเลย  ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม


สรุปแล้วเรื่องมากเลยใช้เวลามากกว่า 6 เดือนกว่าจะหาที่ดินได้ตามสเปคได้ทุกข้อ  ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม  และเป็นจุดเริ่มเล็กๆ ของสวนขี้คร้าน

ขออนุญาตแทรก link ของหนังสือของปู่ฟู 4 เล่มดังนี้ :
1. ปฏิวัติยุคสมัยด้วยฟางเส้นเดียว
http://www.neutron.rmutphysics.com/teaching-glossary/index.php?option=com_content&task=view&id=7786&Itemid=8
http://www.homebankstore.com/dl/sread/017.pdf
http://www.bkw.ac.th/onet/2555/_book_/ปฏิวัติยุคสมัยด้วยฟางเส้นเดียว.pdf

2. วิถีสู่ธรรมชาติเล่ม 1
http://www.neutron.rmutphysics.com/news/index.php?option=com_content&task=view&id=355

3. วิถีสู่ธรรมชาติเล่ม 2
http://www.neutron.rmutphysics.com/news/index.php?option=com_content&task=view&id=356

4. วิถีสู่ธรรมชาติเล่ม 3
http://www.neutron.rmutphysics.com/news/index.php?option=com_content&task=view&id=357

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น